เจาะลึก เครื่องยนต์ DM ขุมพลัง ปลั๊กอินไฮบริด ของ BYD

เจาะลึก เครื่องยนต์ DM ขุมพลัง ปลั๊กอินไฮบริด ของ BYD

TheReporterAsia ขอพาผู้อ่านเจาะลึกถึงวิวัฒนาการและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี DM (Dual Mode) ระบบส่งกำลัง ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) อันเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ BYD ที่ไม่เพียงแต่เป็นแรงขับเคลื่อนแห่งอนาคตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานใหม่ ที่พร้อมขับเคลื่อนโลกยานยนต์ไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน

แม้ว่าการเปิดตัว Chevrolet Volt ในปี 2008 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ของรถยนต์ ปลั๊กอินไฮบริด ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ เช่น Mazda และ Chrysler กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา แต่แบรนด์รถยนต์น้องใหม่อย่าง BYD กลับสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว F3DM รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของโลกที่ผลิตเพื่อจำหน่ายจริงในเดือนธันวาคม 2008 ถือเป็นการประกาศศักดาและแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของ BYD ในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานใหม่

ปลั๊กอินไฮบริด

วิวัฒนาการ 5 ยุคสมัยของเทคโนโลยี DM

BYD ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับความสำเร็จในอดีต แต่ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี DM อย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นวิวัฒนาการ 5 ยุคสมัยที่น่าทึ่ง:

  1. DM 1.0: ผู้บุกเบิก ระบบไฮบริดมอเตอร์คู่ที่ผสมผสานการขับเคลื่อนแบบอนุกรมและขนาน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งของ BYD ในการนำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับตลาด และนับเป็นก้าวแรกที่กล้าหาญของ BYD ในการบุกเบิกตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด โดยนำเสนอระบบขับเคลื่อนที่ผสานจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายในเข้าด้วยกัน

    และแม้จะเป็นเทคโนโลยีในยุคแรกเริ่ม แต่ DM 1.0 ก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการประหยัดพลังงาน โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 5.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และลดการปล่อยมลพิษ นับเป็นการวางรากฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยี DM ในยุคต่อๆ ไป

  1. DM 2.0: ผู้นำ ระบบส่งกำลัง DCT ที่มีรูปแบบการขับเคลื่อนแบบไฮบริดขนาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียพลังงาน และถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของ BYD ด้วยการนำระบบส่งกำลังแบบ DCT (Dual Clutch Transmission) มาใช้ ซึ่งช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น

    ขณะที่การขับเคลื่อนแบบไฮบริดขนานใน DM 2.0 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้รถยนต์มีสมรรถนะที่ดีขึ้น และลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงมาอยู่ที่ประมาณ 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ถือความสำเร็จของ DM 2.0 ทำให้ BYD ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น

  1. DM 3.0: ผู้เชี่ยวชาญ ระบบส่งกำลัง DCT ที่ผสานการขับเคลื่อนแบบอนุกรมและขนานอย่างชาญฉลาด ทำให้รถยนต์สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับเคลื่อนได้อย่างเหมาะสมกับสภาพการใช้งาน โดย DM 3.0 เป็นผลจากการสั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ BYD ในการพัฒนาระบบส่งกำลังไฮบริด ซึ่งระบบนี้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับเคลื่อนระหว่างโหมดอนุกรมและขนานได้อย่างอัจฉริยะ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานและความต้องการของผู้ขับขี่

    นอกจากนี้ DM 3.0 ยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงเหลือประมาณ 4.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และการปล่อยมลพิษที่ลดลง

  1. DM 4.0: ผู้พัฒนานวัตกรรม ระบบไฮบริดมอเตอร์คู่ที่กลับมาผสานการขับเคลื่อนแบบอนุกรมและขนาน แต่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นับเป็นการกลับมาอีกครั้งของระบบไฮบริดมอเตอร์คู่ แต่มาพร้อมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพครั้งใหญ่

    ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลงเหลือเพียง 3.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่กระนั้น DM 4.0 ก็ยังคงรักษาความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับเคลื่อนได้อย่างชาญฉลาด เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม

  1. DM 5.0: ผู้ต่อยอดนวัตกรรม ระบบไฮบริดมอเตอร์คู่ที่ล้ำสมัยที่สุดของ BYD ที่ผสานการขับเคลื่อนแบบอนุกรมและขนาน พร้อมมอบอัตราเร่งที่น่าทึ่งและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม DM 5.0 คือที่สุดของเทคโนโลยี DM ในปัจจุบัน ที่มาพร้อมกับมอเตอร์คู่ความเร็วสูงและระบบส่งกำลัง EHS ที่ล้ำสมัย

    ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่น่าประทับใจเพียง 4.7 วินาที แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่เหนือชั้นของระบบนี้ และได้ทำให้ DM 5.0 ยังคงรักษาจุดเด่นด้านการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษ โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น่าทึ่งเพียง 2.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ทำให้เป็นระบบส่งกำลัง PHEV ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของ BYD ในขณะนี้

ปลั๊กอินไฮบริด

นอกจากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ DM แล้ว BYD ยังพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบปลั๊กอินไฮบริดให้ดียิ่งขึ้น

Blade Battery: หัวใจสำคัญของระบบ PHEV

นอกจากวิวัฒนาการของระบบส่งกำลัง DM แล้ว BYD ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบตเตอรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Blade Battery ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรถยนต์ PHEV โดยเฉพาะ จากข้อมูลในภาพ แบตเตอรี่ชนิดนี้มีความจุสูงสุดถึง 18.3 kWh ทำให้รถยนต์สามารถวิ่งได้ในโหมดไฟฟ้าล้วน (EV) เป็นระยะทางสูงสุดถึง 70 กิโลเมตร นอกจากนี้ Blade Battery ยังโดดเด่นด้วย:

  • ความปลอดภัยที่เหนือกว่า: ผ่านการทดสอบการเจาะด้วยตะปู (Nail Penetration Test) โดยไม่เกิดไฟไหม้หรือควัน
  • โครงสร้างที่แข็งแกร่ง: เซลล์แบตเตอรี่ถูกจัดเรียงในลักษณะคล้ายรังผึ้งอลูมิเนียม ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและทนทานต่อแรงกระแทก
  • อายุการใช้งานที่ยาวนาน: รองรับการชาร์จและดิสชาร์จมากกว่า 5,000 รอบ
  • การใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ: เพิ่มการใช้พื้นที่ภายในแบตเตอรี่ได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แบบดั้งเดิม ส่งผลให้มีความหนาแน่นพลังงานที่สูงขึ้นและระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น

ปลั๊กอินไฮบริด

EHS: ยกระดับประสิทธิภาพระบบส่งกำลัง

ระบบส่งกำลัง EHS (Electric Hybrid System) เป็นอีกก้าวสำคัญในทิศทางการพัฒนาระบบปลั๊กอินไฮบริดของ BYD ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย เช่น มอเตอร์คู่ความเร็วสูง (High-Speed Dual Motors) ที่สามารถหมุนได้สูงสุดถึง 15,000 รอบต่อนาที, มอเตอร์แบบ Hairpin ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน และเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยน้ำมัน (Oil Cooling Technology) ที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกำลังมอเตอร์ นอกจากนี้ ระบบควบคุมมอเตอร์คู่แบบ Highly Integrated ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมระบบไฟฟ้าโดยรวมได้สูงสุดถึง 98.9%

Super DM: นิยามใหม่ของระบบ ปลั๊กอินไฮบริด

Super DM: ระบบไฮบริดที่ล้ำสมัยที่สุดของ BYD ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นพลังขับเคลื่อนหลัก และใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นตัวเสริม ช่วยให้รถยนต์มีสมรรถนะสูงและประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้น ซึ่งมาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่แตกต่างกัน ได้แก่

  • Pure EV Mode: โหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความเงียบและประหยัดพลังงาน
  • HEV Series Mode: โหมดไฮบริดอนุกรม ที่เครื่องยนต์จะทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้าเพื่อให้มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อ เหมาะสำหรับการขับขี่ในสภาวะที่ต้องการประหยัดน้ำมัน หรือเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่าระดับที่ผู้ใช้ตั้งค่าไว้
  • HEV Parallel Mode: โหมดไฮบริดขนาน ที่ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนล้อ เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องการเร่งแซงบนทางหลวง หรือการขับขี่ด้วยความเร็วสูงในขณะที่แบตเตอรี่มีระดับต่ำ โหมดนี้จะช่วยให้เครื่องยนต์ Xiaoyun ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่

ปลั๊กอินไฮบริด

การชาร์จที่รวดเร็วและสะดวกสบาย

เทคโนโลยี Super DM ยังมาพร้อมกับระบบการชาร์จที่รวดเร็วและสะดวกสบาย ด้วยการรองรับการชาร์จเร็ว DC ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 30% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 35 นาที นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการชาร์จ AC สำหรับการชาร์จที่บ้าน ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ BYD PHEV สามารถเดินทางได้อย่างต่อเนื่องและไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จ

V2L: เพิ่มความสะดวกสบายและความสนุกสนานในการเดินทาง

เทคโนโลยี Vehicle-to-Load (V2L) ช่วยให้รถยนต์ BYD DM เปลี่ยนเป็นแหล่งจ่ายไฟเคลื่อนที่ได้ สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้หลากหลาย ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ ไปจนถึงกาต้มน้ำและเตาปิ้งย่าง เทคโนโลยีนี้เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเส้นทางวิวัฒนาการของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด DM ของ BYD ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน การพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก DM 1.0 สู่ DM 5.0 แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านสมรรถนะ การประหยัดพลังงาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ปลั๊กอินไฮบริด

นอกจากนี้ BYD ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยี DM แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น Blade Battery, EHS และ Super DM เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้บริโภค การผสมผสานเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าด้วยกัน ทำให้รถยนต์ BYD PHEV ไม่เพียงแต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับสมรรถนะที่เหนือชั้น ความสะดวกสบายในการใช้งาน และความปลอดภัยที่เหนือระดับ

ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นและความพยายามในการพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง BYD ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ผลิตรายอื่นๆ ในการร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ BYD ไม่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตยานยนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ที่จะนำพาโลกไปสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนที่สะอาดและยั่งยืนอย่างแท้จริง

#BYD #DM #BladeBattery #EHS #SuperDM #PHEV #นวัตกรรมยานยนต์ #พลังงานสะอาด #อนาคตที่ยั่งยืน #TheReporterAsia

Related Posts