กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – Google ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ มูลค่ากว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (กว่า 108,000 ล้านบาท) เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์รีเจียนในประเทศไทยและมาเลเซีย ภายในระยะเวลา 6 ปีข้างหน้า โดยการลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการเสริมศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งกำลังเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน
- – เปิด 5 ฟีเจอร์เด็ดในโน๊ตบุ๊ค ‘LG gram’ ตัวจริงเรื่องเวิร์กสมาร์ทเพื่อการทำงานยุคใหม่
- – Telehouse กับบริการ Cross Connect ตัวช่วยธุรกิจเสริมแกร่งด้านการเชื่อมต่อ
ไทยคว้า 1 พันล้านเหรียญ เสริมทัพ “Cloud First”
สำหรับประเทศไทย Google จะลงทุน 1 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 36,000 ล้านบาท) เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในจังหวัดชลบุรี และ Google Cloud Region ในกรุงเทพฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งาน AI และบริการคลาวด์ที่เพิ่มสูงขึ้น การลงทุนนี้คาดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อ GDP ของไทยถึง 4 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 144,000 ล้านบาท) ภายในปี 2572 และสร้างงานเฉลี่ย 14,000 ตำแหน่งต่อปี ตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2572 ตามรายงานการศึกษาของ Deloitte
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประเทศไทย กล่าวว่า “การลงทุนของ Google ในดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์รีเจียนที่ชลบุรีและกรุงเทพฯ สอดคล้องกับนโยบาย Cloud First ของรัฐบาล และจะช่วยยกระดับความเชี่ยวชาญด้านคลาวด์คอมพิวติ้งและ AI ของประเทศไทย”
นอกจากนี้ Google ยังให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนการพัฒนาทักษะด้าน AI ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้คนไทยอีก 150,000 คน ภายในปี 2569 ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา Google ได้จัดอบรมเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับคนไทย และในปี 2566 ได้เปิดตัวโครงการพัฒนาทักษะ AI สำหรับครู ซึ่งมีผู้เข้าร่วมอบรมแล้วกว่า 20,000 คน
มาเลเซียวางศิลาฤกษ์ดาต้าเซ็นเตอร์ รับเม็ดเงิน 2 พันล้านเหรียญ
ส่วนในมาเลเซีย Google ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์รีเจียนแห่งแรก ณ Elmina Business Park ในรัฐ Selangor โดยทุ่มงบประมาณ 2 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 72,000 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจกว่า 3.2 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 115,200 ล้านบาท) ภายในปี 2573 และสร้างงาน 26,500 ตำแหน่ง
นาย Utama Zafrul Aziz รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย กล่าวว่า “สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้จะช่วยให้อุตสาหกรรมการผลิตและบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI และคลาวด์คอมพิวติ้ง และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก”
ก่อนหน้านี้Google ได้ประกาศความร่วมมือกับ Dagang NeXchange Berhad (DNeX) เพื่อนำเสนอโซลูชันคลาวด์แห่งชาติรุ่นใหม่ในมาเลเซีย โดยมุ่งเป้าไปที่องค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแล เช่น ภาครัฐ สาธารณสุข และพลังงาน
ดาต้าเซ็นเตอร์รักษ์โลก ลดคาร์บอน footprint
Googleยืนยันว่าดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในมาเลเซียจะใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 10%
นาง Ruth Porat ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Alphabet และGoogle กล่าวว่า “เราจะยังคงดูแลทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีความรับผิดชอบ โดยการปรับปรุงสุขภาพของแหล่งต้นน้ำและระบบนิเวศในมาเลเซีย และช่วยผลักดันการใช้พลังงานหมุนเวียนในท้องถิ่น”
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผงาด ศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์โลก
ARC Group บริษัทวาณิชธนกิจในฮ่องกง ระบุในรายงานวิเคราะห์ล่าสุดว่า การเติบโตของการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขยายตัว การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น และความต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ
“ประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย กำลังเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับโลก” รายงานระบุ
ARC Group อ้างอิงข้อมูลจาก World Economic Forum ซึ่งระบุว่า ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคนี้ดึงดูดเงินลงทุน 10.23 พันล้านเหรียญในปี 2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 17.73 พันล้านเหรียญ ภายในปี 2572 ขณะที่ตลาดก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์คาดว่าจะเติบโตในอัตรา CAGR 11.18% คิดเป็นมูลค่า 5.29 พันล้านเหรียญ ภายในปี 2572
มาเลเซียเตรียมผงาดขึ้นแท่นศูนย์กลางข้อมูลใหญ่สุดในอาเซียน ภายในปี 2568
มาเลเซียกำลังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งศูนย์กลางข้อมูล (Data Center) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2568 ด้วยกำลังการผลิตติดตั้งที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,300 เมกะวัตต์ จากเดิม 600 เมกะวัตต์ในปี 2565 การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้เป็นผลมาจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความต้องการใช้บริการจัดเก็บข้อมูลที่พุ่งสูงขึ้น
รายงานจาก Structure Research ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้มาเลเซียก้าวขึ้นมาแซงหน้าสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านศูนย์ข้อมูลในปัจจุบัน คือต้นทุนที่ดินที่ต่ำกว่า และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ขณะที่สิงคโปร์กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนที่ดิน
นอกจากนี้ ความต้องการใช้บริการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากภาคธุรกิจ รวมถึงการขยายตัวของบริการคลาวด์ ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้ตลาดศูนย์ข้อมูลในมาเลเซียเติบโตอย่างรวดเร็ว
การเติบโตของอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลนี้ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของมาเลเซียในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือการบริหารจัดการการใช้พลังงาน เนื่องจากศูนย์ข้อมูลเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียจำเป็นต้องส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมนี้
“มาเลเซียเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในศูนย์ข้อมูล” Tan Sri Muhyiddin Yassin นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าว
“เราเชื่อมั่นว่ามาเลเซียมีศักยภาพที่จะกลายเป็นศูนย์กลางข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน” Datuk Seri Anwar Ibrahim รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเลเซีย เสริม
ความท้าทายและโอกาสของดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น กฎระเบียบที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ การจัดการการใช้พลังงาน และการตอบสนองความต้องการด้านความยั่งยืนและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
“การผลักดันให้เกิดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะนำไปสู่กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาและที่ตั้งของดาต้าเซ็นเตอร์” รายงานของ ARC Group ระบุ
นอกจากนี้ บริษัทยังต้องจัดการกับปัญหาการจัดหาที่ดิน และคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค
แม้จะมีความท้าทาย แต่การลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์รีเจียนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับGoogle และผู้เล่นรายอื่นๆ ในตลาด ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
#Google #ดาต้าเซ็นเตอร์ #คลาวด์ #เศรษฐกิจดิจิทัล #เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ #AI #CloudComputing #Thailand #Malaysia