“แมลงวันหัวเขียว” ศัตรูตัวฉกาจที่หลายคนมองข้าม อาจเป็นพาหะนำโรคร้ายแรงอย่างโรคท้องร่วง และโรคหนอนแมลงวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝนที่มีอุทกภัย ภัยคุกคามจากแมลงวันหัวเขียวจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว
- – โรคจิตหลงผิด ภัยเงียบในสังคมไทย – เมื่อความเชื่อกลายเป็นอันตราย
- – ภัยไซเบอร์ เงาอันตรายที่คืบคลาน สู่สำนักงานสาขา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธันวดี คล่องแคล่ว อาจารย์ประจำภาควิชาปรสิตวิทยา และกีฏวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาเตือนถึงอันตรายของแมลงวันหัวเขียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแมลงชนิดนี้เป็นอย่างมาก
แมลงวันหัวเขียวสามารถบินได้ไกลถึง 2-3 กิโลเมตรต่อวัน และสามารถเกาะพักเพื่อบินต่อได้อีกเรื่อยๆ ดังนั้น แม้แต่อาคารสูงก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภัยคุกคามจากแมลงชนิดนี้ได้ นอกจากนี้ แมลงวันหัวเขียวยังสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว เพียงตัวเดียวสามารถวางไข่ได้มากถึงครั้งละ 200 ฟอง และไข่จะฟักเป็นตัวภายใน 24 ชั่วโมง
แหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงวันหัวเขียว ได้แก่ อาหารเน่าเสีย ซากสัตว์ มูลสัตว์ และแม้กระทั่งกล่องพัสดุไปรษณีย์ที่ใช้แล้ว ดังนั้น การรักษาความสะอาด และการกำจัดขยะอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของแมลงชนิดนี้
โรคหนอนแมลงวัน เป็นโรคที่เกิดจากการที่แมลงวันหัวเขียวมาวางไข่บนร่างกายของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยติดเตียงที่มีแผลกดทับ ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนได้
วิธีป้องกันอันตรายจาก แมลงวันหัวเขียว
- รักษาความสะอาดบริเวณที่อยู่อาศัย
- กำจัดขยะอย่างถูกวิธี
- ใช้กาวดักแมลงวัน
- ปิดมุ้งลวดป้องกันแมลง
- ไม่ควรวางสิ่งของทิ้งไว้กลางแจ้ง
- ตรวจสอบกล่องพัสดุไปรษณีย์ก่อนนำเข้าบ้าน
ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงวันหัวเขียว เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- แมลงวันหัวเขียวมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ ในฐานะผู้ย่อยสลาย และช่วยขยายพันธุ์พืช
- ในต่างประเทศมีการใช้หนอนแมลงวันในการรักษาเนื้อตายจากโรคเบาหวาน
- ในทางนิติเวชมีการใช้หนอนแมลงวันในการประเมินระยะเวลาของการเสียชีวิต
#แมลงวันหัวเขียว #โรคหนอนแมลงวัน #ภัยสุขภาพ #หน้าฝน #อุทกภัย #ความสะอาด #แผลกดทับ #ผู้ป่วยติดเตียง #กำจัดแมลง #มหาวิทยาลัยมหิดล #สาธารณสุข