ชลบุรี, ประเทศไทย – แชฟฟ์เลอร์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลก ประกาศเปิดศูนย์กระจายสินค้า (Central Logistics Center) แห่งใหม่ในประเทศไทย ณ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค (ศรีราชา) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรีและท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน (Vehicle Lifetime Solution: VLS) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
- – RÊVERSHARGER จับมือ Benz มอบสิทธิพิเศษชาร์จรถ EV ฟรี 1 ปีเต็ม!
- – นักบิดดังร่วม Pre-Event สัมผัสมนต์เสน่ห์อีสานใต้ก่อนลุยศึก MotoGP
นายเอียนส์ ชูเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน ประจำกลุ่มบริษัทแชฟฟ์เลอร์ กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดยานยนต์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงตลาดทั่วทั้งภูมิภาค การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ จึงเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถของแชฟฟ์เลอร์ในการให้บริการลูกค้าที่หลากหลายด้วยความรวดเร็ว แม่นยำ และเชื่อถือได้ โดยศูนย์แห่งนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินงานของเราในภูมิภาคอาเซียน”
นายชูเลอร์ ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของแชฟฟ์เลอร์ ในการก้าวสู่การเป็น “บริษัทเทคโนโลยียานยนต์” โดยมี 4 หน่วยธุรกิจหลัก ได้แก่
- ยานยนต์: ครอบคลุมธุรกิจเดิมของแชฟฟ์เลอร์ เช่น เครื่องยนต์สันดาปภายใน ระบบส่งกำลัง และช่วงล่าง รวมถึงระบบไฮบริด
- โซลูชั่น VLS: มุ่งเน้นการให้บริการแก่ศูนย์ซ่อม ด้วยโซลูชั่นและอะไหล่ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ LuK, INA, FAG และ Ruville
- อุตสาหกรรม: ครอบคลุมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลับลูกปืน ระบบนำทางเชิงเส้น และโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ
- E-Mobility: มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เช่น ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ระบบจัดการความร้อน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลัง
การควบรวมกิจการของ Vitesco Technologies เข้ากับ Schaeffler เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ E-Mobility โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ซึ่ง Vitesco Technologies มีฐานลูกค้าและประสบการณ์ที่แข็งแกร่ง
“แชฟฟ์เลอร์ มีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม ทั้งสำหรับยานยนต์สันดาปภายใน ระบบไฮบริด และยานยนต์ไฟฟ้า เราพร้อมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด ให้กับลูกค้าตลอดวงจรชีวิตของยานพาหนะ” นายชูเลอร์ กล่าว
การลงทุนในศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ เป็นเพียงก้าวแรก ในการยกระดับธุรกิจของเรา และเราจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ทั้งในประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของธุรกิจ VLS ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ในภูมิภาคนี้
เราเชื่อว่าธุรกิจเครื่องยนต์สันดาปภายใน ยังคงมีบทบาทสำคัญ และจะอยู่กับเราไปอีกนาน แม้ว่าตลาดยานยนต์ไฟฟ้า จะเติบโตขึ้น แต่ด้วยปัจจัยด้านต้นทุน และโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ยังคงต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม แชฟฟ์เลอร์ พร้อมที่จะสนับสนุน การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยี และโซลูชั่นที่หลากหลาย ทั้งสำหรับยานยนต์สันดาปภายใน ระบบไฮบริด และยานยนต์ไฟฟ้า
อีกทั้งเรายังมีความมุ่งมั่น ที่จะนำเสนอโซลูชั่น และการฝึกอบรม เกี่ยวกับการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า ให้กับศูนย์บริการอิสระ เพื่อสร้างความมั่นใจ ว่ายานยนต์ไฟฟ้า สามารถเข้ารับบริการ และซ่อมแซมได้ อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ระบบจัดการความร้อน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลัง ซึ่งเป็น ความเชี่ยวชาญ ของ Vitesco Technologies ที่เราได้ควบรวมกิจการมา
ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ สะท้อนถึงค่านิยมหลักของแชฟฟ์เลอร์ ได้แก่ ความยั่งยืน นวัตกรรม ความเป็นเลิศ และความมุ่งมั่น โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน ลดระยะเวลาในการจัดส่ง รวมถึงผสานแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมกับชุมชน สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล ระบบไฟฟ้า และโซลูชันที่ยั่งยืนมากขึ้น
นายไมก้า เชฟพาร์ด ประธาน ฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้เป็นมากกว่าคลังสินค้า แต่เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและการเติบโตของแชฟฟ์เลอร์ ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับโรงงานผลิตของแชฟฟ์เลอร์ในจังหวัดชลบุรี ศูนย์แห่งนี้จะช่วยให้เรามีความคล่องตัว ตอบสนอง และพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของธุรกิจอะไหล่ยานยนต์คุณภาพสูงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ ครอบคลุมพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับการขยายตัวในอนาคต สามารถรองรับอะไหล่ได้กว่า 400,000 ชิ้น และมาพร้อมกับระบบการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพสูง การดำเนินงานที่ได้มาตรฐาน และมาตรการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าอะไหล่ทุกชิ้นจะถูกส่งไปยังสถานที่ที่ถูกต้อง ในเวลาที่เหมาะสม
“เรารู้ว่าการดำเนินงานให้ราบรื่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในภาคธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการจัดส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าของเรา” นายเชฟพาร์ด กล่าวเสริม
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ยังคงมีปัจจัยหลายอย่าง ที่ทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และระบบไฮบริด ยังคงได้รับความนิยม เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ ห่วงโซ่อุปทาน นโยบายภาครัฐ และกำลังซื้อของผู้บริโภค
แชฟฟ์เลอร์ เตรียมเปิดศูนย์ R&D ในไทย
นายเชฟพาร์ด ได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของแชฟฟ์เลอร์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ และมีสำนักงานใหญ่ของธุรกิจ VLS ตั้งอยู่ในประเทศไทย ปัจจุบัน แชฟฟ์เลอร์ มีโรงงานผลิต 10 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนา 19 แห่ง ทั่วภูมิภาค โดยมีพนักงานรวมกว่า 10,000 คน (ไม่รวมประเทศจีน) มียอดขายคิดเป็น 13% ของยอดขายทั่วโลก และเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดของกลุ่มแชฟฟ์เลอร์
โดยในประเทศไทยมีแผนการที่จะจัดตั้ง R&D Center ขึ้นมา ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของโรงงานผลิต ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญ ในการพัฒนา ออกแบบ ผลิต และจัดหาชิ้นส่วน ภายในประเทศไทย เพื่อรองรับธุรกิจ ทั้งในประเทศ และภูมิภาค โดยจะมุ่งเน้น การพัฒนาเทคโนโลยี และโซลูชั่น สำหรับตลาด VLS ในภูมิภาค โดยเฉพาะ
โรงงานผลิตในประเทศไทย
แชฟฟ์เลอร์ เริ่มดำเนินการโรงงานผลิตในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2559 ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ปัจจุบัน โรงงานแห่งนี้มีพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร พื้นที่การผลิต 13,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น 2 อาคาร ผลิตภัณฑ์หลัก 4 ประเภท สำหรับระบบส่งกำลัง และเครื่องยนต์
ศูนย์กระจายสินค้า เพื่อยกระดับการบริการ
ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้า ทั้งในประเทศไทย และทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยจุดเด่น ดังนี้
- การดำเนินงานด้านห่วงโซ่อุปทาน: รวบรวมอะไหล่กว่า 4,000 รายการ เพื่อปรับปรุงระดับการบริการจัดส่ง และลดระยะเวลาในการจัดส่ง
- ศูนย์รวมการบรรจุและการจัดส่ง: ให้บริการบรรจุภัณฑ์ และจัดชุดผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น ชุดคลัตช์ พร้อมลูกปืน และอุปกรณ์เสริม
- การควบคุมคุณภาพ: ดำเนินการตามนโยบาย “Zero Defect” เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และความพึงพอใจของลูกค้า
ความยั่งยืน และการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ ยังคำนึงถึงความยั่งยืน ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การเก็บกักน้ำฝน และการบำบัดน้ำเสีย สอดคล้องกับกลยุทธ์การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และความยั่งยืนของแชฟฟ์เลอร์ นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เช่น การติด QR Code บนกล่องบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย และข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า
#Schaeffler #แชฟฟ์เลอร์ #ศูนย์กระจายสินค้า #VehicleLifetimeSolution #โซลูชั่นอะไหล่ทดแทน #ยานยนต์ #อุตสาหกรรม #ความยั่งยืน #นวัตกรรม #VitescoTechnologies #ควบรวมกิจการ #เอเชียแปซิฟิก #E Mobility