ไทย-ซาอุฯ เดินหน้ากระชับสัมพันธ์ หวังขยายมูลค่าการค้า Non-Oil

ไทย-ซาอุฯ เดินหน้ากระชับสัมพันธ์ หวังขยายมูลค่าการค้า Non-Oil

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ไทย-ซาอุฯ ผนึกกำลัง! เดินหน้าสานสัมพันธ์แน่นแฟ้น เล็งขยายการค้า Non-Oil เปิดประตูโอกาสทองให้นักลงทุนไทยรุกตลาดแดนเศรษฐี ชู Saudi Vision 2030 ดึงดูดลงทุน ตั้งเป้าธุรกิจดาวรุ่ง ก่อสร้าง พลังงาน ท่องเที่ยว อาหาร แถมปลูกต้นไม้ร่วมกัน สานฝัน “ซาอุฯ เขียวขจี” ความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความมั่งคั่ง และพัฒนาอนาคตร่วมกันอย่างยั่งยืน!

ดร.นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย ได้หารือกับ นายอับดุลเราะห์มาน อับดุลอะซีซ อัลซุฮัยบานี เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีต่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศ นับตั้งแต่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2565

การหารือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง การเชื่อมโยงระหว่างประชาชน และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว โดยในปี 2566 มีชาวซาอุดีอาระเบียเดินทางมาไทยกว่า 1.78 แสนคน

ในด้านเศรษฐกิจ การค้าระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (Non-Oil) ซึ่งยังมีศักยภาพอีกมาก โดย ดร.นลินี มองว่า งาน Thailand International Mega Fair 2024 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2567 จะเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการลงทุนของไทยในซาอุดีอาระเบีย โดยงานนี้จะเป็นงานแสดงสินค้าไทยที่ใหญ่ที่สุดในซาอุดีอาระเบีย มีแบรนด์ไทยเข้าร่วมกว่า 200 บริษัท และคาดว่าจะมีผู้ซื้อเข้าร่วมงานกว่า 12,000 คน

Saudi Vision 2030 โอกาสทองของนักลงทุนไทย

ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า การหารือยังได้มุ่งเน้นไปที่โอกาสในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จากแผนวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030 (Saudi Vision 2030) ซึ่งรัฐบาลซาอุดีอาระเบียกำลังส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ

โอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทย

  • การก่อสร้าง: ซาอุดีอาระเบียมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มากมาย
  • พลังงานทดแทน: ซาอุดีอาระเบียกำลังมุ่งสู่พลังงานสะอาด
  • ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวและการแพทย์: ซาอุดีอาระเบียกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการแพทย์อย่างจริงจัง โดยปัจจุบันมีโรงแรมไทยหลายแห่งเข้าไปดำเนินธุรกิจ เช่น เครือ Minor hotels, Dusit, Banyan Group รวมถึงมีแผนพัฒนาเกาะ 22 เกาะในทะเลแดงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
  • อาหารและวัตถุดิบ: อาหารไทย เครื่องปรุง และวัตถุดิบต่างๆ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในซาอุดีอาระเบีย
  • การส่งออกต้นไม้: โครงการ Saudi Arabia Green initiative ที่มีเป้าหมายปลูกต้นไม้ 1 หมื่นล้านต้นภายในปี 2030 เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการส่งออกต้นไม้ล้อม

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร โดยไทยจะเป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญให้กับซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะอาหารฮาลาล ขณะที่ซาอุดีอาระเบียจะเป็นแหล่งพลังงานสำคัญสำหรับไทย รวมถึงความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านการให้ทุนการศึกษา และการพัฒนากีฬาและ E-sport

Future Investment Initiative เวทีสำคัญระดับโลก

เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ได้แจ้งว่า ระหว่างวันที่ 29-31 ตุลาคมนี้ ซาอุดีอาระเบียจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Future Investment Initiative (FII) ครั้งที่ 8 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญระดับโลกที่มีผู้แทนภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 10,000 คน โดยงาน FII ถือเป็นเวทีสำคัญที่ซาอุดีอาระเบียใช้ประกาศแผนการลงทุนขนาดใหญ่ และแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศ

ปัจจุบัน ซาอุดีอาระเบียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 17 ของไทยในตลาดโลก และอันดับ 2 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2562-2566) มูลค่าการค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 7,679.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ไม้ และอาหารทะเลกระป๋อง ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ และปุ๋ย

ความร่วมมือที่แน่นแฟ้น สู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ

การหารือระหว่าง ดร.นลินี ทวีสิน และเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ครั้งนี้ เป็นสัญญาณที่ดีต่อการกระชับความสัมพันธ์ และการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเน้นไปที่การค้า Non-Oil และการลงทุนในสาขาที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

#ไทยซาอุดีอาระเบีย #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #การค้าระหว่างประเทศ #NonOil #SaudiVision2030 #โอกาสการลงทุน #FutureInvestmentInitiative #FII

Related Posts