กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ศูนย์ AOC 1441 เผยสถิติ 5 คดีออนไลน์ยอดฮิต ช่วง 21 พ.ย. – 1 ธ.ค. 67 มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท แนะประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ “ไม่กดลิงก์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” ป้องกันภัยร้าย
- – ดีอี แก้ไข พ.ร.บ.ไปรษณีย์ใหม่ รับยุคดิจิทัล พร้อมตั้งหน่วยงานกำกับเอกชน
- – ศูนย์คุณธรรม เปิดตัว Moral Data Center แพลตฟอร์มข้อมูลคุณธรรมแห่งแรกของไทย
นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ (AOC 1441) ได้รับแจ้งเหตุการณ์หลอกลวงออนไลน์ 5 คดี ระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท โดยรูปแบบการหลอกลวงที่พบมากที่สุดคือการหลอกให้ลงทุนออนไลน์
สำหรับ 5 คดีตัวอย่างที่ประชาชนตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพ ประกอบด้วย
- หลอกลวงให้ลงทุนเทรดหุ้นสกุลเงินต่างประเทศ โดยมิจฉาชีพจะใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook หรือ Line ในการติดต่อเหยื่อ ชักชวนให้ร่วมลงทุน โดยช่วงแรกอาจจะให้ผลตอบแทนสูงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและลงทุนเพิ่มมากขึ้น ก็จะไม่สามารถถอนเงินออกได้ หรือถูกบังคับให้จ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มิจฉาชีพจะล่อลวงเหยื่อด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ เช่น การโพรโมตแพลตฟอร์ม การแพ็กสินค้า หรือการทดลองสินค้า โดยอ้างว่าจะให้ค่าตอบแทนสูง แต่สุดท้ายก็จะเชิดเงินหลบหนี
- ข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปหาเหยื่อ โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ แจ้งว่าเหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความ หรือบัญชีธนาคารมีความผิดปกติ จากนั้นก็จะหลอกให้เหยื่อโอนเงินเพื่อตรวจสอบ
- หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ (คล้ายกับคดีที่ 2) มิจฉาชีพอาจใช้วิธีการที่หลากหลายในการหลอกลวง เช่น ให้เหยื่อโอนเงินเพื่อสร้างเครดิต หรือทำภารกิจต่างๆ แต่สุดท้ายก็จะไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้
- ข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) (คล้ายกับคดีที่ 3) มิจฉาชีพอาจใช้วิธีการข่มขู่ที่รุนแรงขึ้น เช่น ขู่ว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย หรืออายัดบัญชีธนาคาร ทำให้เหยื่อเกิดความกลัวและรีบโอนเงินโดยไม่ทันคิด
นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากสถิติของศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 พบว่ามีสายโทรเข้าศูนย์ 1441 จำนวนมากถึง 1,255,144 สาย เฉลี่ยวันละ 3,178 สาย และสามารถระงับบัญชีธนาคารได้กว่า 400,000 บัญชี โดยคดีที่พบมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ หลอกลวงหารายได้พิเศษ หลอกลวงลงทุน หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล และหลอกลวงให้กู้เงิน”
โฆษกกระทรวงดีอี แนะนำประชาชนว่า “ก่อนที่จะลงทุน โอนเงิน หรือให้ข้อมูลส่วนตัวใดๆ ควรตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อ หรือคำข่มขู่ใดๆ หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วน AOC 1441”
นอกจากนี้ กระทรวงดีอี ยังรณรงค์ให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงทางออนไลน์ ได้แก่
- ไม่กดลิงก์ ไม่ควรคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจเป็นลิงก์ปลอมที่มิจฉาชีพใช้ในการขโมยข้อมูลส่วนตัว
- ไม่เชื่อ อย่าปักใจเชื่อข้อมูลที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นข้อมูลที่ดูดีเกินจริง หรือมีการเร่งรัดให้ตัดสินใจ
- ไม่รีบ อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนทุกครั้ง
- ไม่โอน อย่าโอนเงินให้กับบุคคลที่ไม่รู้จัก หรือโอนเงินโดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัด
กระทรวงดีอี ยังคงเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ และเร่งให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันภัยร้าย เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หากประชาชนพบเบาะแสอาชญากรรมออนไลน์ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
#มิจฉาชีพออนไลน์ #หลอกลวงลงทุน #CallCenter #ดีอี #AOC1441 #4ไม่ #ไม่กดลิงก์ไม่เชื่อไม่รีบไม่โอน