แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์หรูปี 67 หดตัว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงแข็งแกร่ง รักษาตำแหน่งผู้นำตลาด พร้อมประกาศแผนปี 68 ขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย, เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่, และยกระดับบริการ สร้างความพึงพอใจลูกค้าสูงสุด
กรุงเทพฯ – ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและการหดตัวของตลาดรถยนต์โดยรวม บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมได้อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 พร้อมประกาศแผนธุรกิจปี 2568 (2025) ที่มุ่งเน้นการขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย, เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย, และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น
ในการแถลงข่าวประจำปีของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2567 (2024) และทิศทางธุรกิจในปี 2568 (2025) โดยระบุว่า แม้ปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ที่ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหดตัวถึง 23% และตลาดรถยนต์พรีเมียมหดตัว 24% แต่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังสามารถทำผลงานได้ดีกว่าตลาด โดยยอดขายลดลงเพียง 11.7%
“ปีที่แล้วเป็นปีที่ท้าทายอย่างมาก ไม่เพียงแต่สำหรับเราเท่านั้น แต่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมดด้วย” นายแกร์ฮาร์ดกล่าว “เราเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และนั่นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้า อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในกลุ่มของเรา”
ความสำเร็จท่ามกลางความท้าทาย:
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คือ ความยืดหยุ่นในการปรับตัว, นวัตกรรม, และความไว้วางใจจากลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นถึง 10.7% ในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการรถยนต์พลังงานทางเลือกที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่แบรนด์ BMW และ BMW Motorrad มียอดขายลดลงเล็กน้อย แบรนด์ MINI กลับมีการเติบโตที่น่าประทับใจถึง 7.6% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง MINI Cooper SE ใหม่ และรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว
แผนธุรกิจปี 2568: ขยายเครือข่าย-เปิดตัวรถใหม่-ยกระดับบริการ
สำหรับปี 2568 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย วางแผนที่จะขยายธุรกิจในหลายด้าน:
-
ขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย: เพิ่มจำนวนผู้จำหน่ายแบบ “fully fledged dealership” ในทุกแบรนด์ (BMW, BMW M, MINI, และ BMW Motorrad) โดยมีเป้าหมายที่จะมีผู้จำหน่ายรวม 35 แห่งภายในสิ้นปี 2568 (จาก 29 แห่งในปี 2567)
- BMW: เพิ่มจาก 28 เป็น 29 แห่ง
- BMW M: เพิ่มจาก 5 เป็น 8 แห่ง (โดยเป็นส่วนหนึ่งของดีลเลอร์ BMW)
- MINI: เพิ่มจาก 13 เป็น 16 แห่ง
- BMW Motorrad: เพิ่มจาก 14 เป็น 15 แห่ง
- ผู้จำหน่ายรายใหม่:
- BMW: Performance Motors Ayutthaya
- BMW M: Europa Motor, Barcelona Motors (Vibhavadi), Amorn Prestige (Rangsit)
- MINI: Europa Motor, Barcelona Motors Bangkae, Performance Motors Ratchapreuk
- BMW Motorrad: MotoGroup (Rama V)
-
เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่: นำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ที่ปัจจุบันมีให้เลือกถึง 12 รุ่นในทั้งสามแบรนด์
-
ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า: มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยการปรับปรุงโชว์รูมและศูนย์บริการ (มีแผนปรับปรุง 13 แห่งในปี 2568), การนำเสนอประสบการณ์พิเศษ (exclusive experiences) เช่น กิจกรรม driving experience ทั้งในและต่างประเทศ, และการพัฒนาแอปพลิเคชัน My BMW & My MINI Finance เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
BMW Financial Services: เคียงข้างลูกค้าท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือน
ด้านคุณจริยา คูนลินทิพย์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 ว่า ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม ยอดขายของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่ลดลงเล็กน้อย ก็ส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของเราด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าดูในภาพรวมแล้ว ถือว่าเรายังทำผลงานได้ค่อนข้างดีค่ะ เพราะลูกค้าที่ซื้อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูทุกๆ 2 คัน จะมี 1 คันที่ใช้บริการสินเชื่อของเรา ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อสำหรับรถยนต์ BMW, MINI หรือ BMW Motorrad ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของยอดขายทั้งหมด”
“นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา เรายังได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจนายหน้าประกันภัย (Insurance Broker) ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขายมากกว่า 60% เมื่อเทียบกับยอดสินเชื่อทั้งหมดของเราค่ะ”
“กลุ่มลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจในบริการของเราอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มลูกค้าองค์กร หรือ Corporate ซึ่งมีสัดส่วนการใช้สินเชื่อ (penetration rate) สูงถึงเกือบ 17% ของลูกค้าองค์กรของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ทั้งหมด”
“นอกเหนือจากธุรกิจสินเชื่อและประกันภัยแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล โดยลูกค้าของเราสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My BMW และ My MINI Finance เพื่อเข้าถึงข้อมูลสินเชื่อ, ตรวจสอบยอดชำระ, ดูใบเสร็จรับเงิน และจัดการข้อมูลต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อคอลเซ็นเตอร์ ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น”
ความสำเร็จของเราในปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการร่วมมือกับ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ในการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่หลากหลายและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญสำหรับรถยนต์ BMW, MINI หรือ BMW Motorrad ตลอดทั้งปี เรามีแคมเปญออกมาเกือบ 30 รายการ โดยเน้นไปที่อัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือค่างวดเริ่มต้นต่ำ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ เรายังนำเสนอบริการเสริมต่างๆ ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง Wallbox สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า, การมอบประกันภัยรถยนต์, และบริการหลังการขาย BMW Service Inclusive (BSI) ที่ขยายความคุ้มครองให้ลูกค้าต่อเนื่อง
“และที่สำคัญที่สุด เราให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอย่างมากค่ะ ผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าของเรามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และอยู่ในระดับ Top 3 เมื่อเทียบกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด”
“เรายังคงเดินหน้าพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์และกิจกรรมพิเศษต่างๆ เช่น การเข้าร่วม driving experience ทั้งในและต่างประเทศ”
ระบบ Robotic Process Automation (RPA)
ในด้านการดำเนินงานภายใน เราได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น ระบบ Robotic Process Automation (RPA) ที่ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบข้อมูล, จัดทำรายงาน, และจ่ายเงินให้กับดีลเลอร์ได้อย่างรวดเร็ว”
“โดยเราได้นำระบบอนุมัติสินเชื่ออัตโนมัติมาใช้ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อจากหลายชั่วโมง หรือบางครั้งหลายวัน เหลือเพียงไม่กี่นาที แม้ว่าในช่วงแรกเราจะเริ่มต้นใช้งานระบบนี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากสถานการณ์หนี้ครัวเรือน แต่เราก็เชื่อมั่นว่าระบบนี้จะช่วยให้เราสามารถให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต” “อีกหนึ่งความก้าวหน้าคือ ตอนนี้กฎหมายไทยรองรับการลงนามในสัญญาแบบดิจิทัลแล้วค่ะ ทำให้ลูกค้าสามารถเซ็นสัญญาผ่าน iPad กับเจ้าหน้าที่ของเราได้เลย ไม่ต้องใช้เอกสารกระดาษอีกต่อไป ซึ่งผลตอบรับในช่วงแรกก็เป็นที่น่าพอใจ ลูกค้าให้ความสนใจกับเทคโนโลยีดิจิทัลค่อนข้างมาก”
“สำหรับแผนงานในอนาคต เรามีโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการที่จะพัฒนาระบบการทำงานของเราให้ดียิ่งขึ้น โดยจะเน้นไปที่ระบบอนุมัติสินเชื่อ, ระบบจัดการฐานข้อมูลลูกค้า, และระบบติดตามหนี้ เพื่อให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้นค่ะ”
“แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะมีความท้าทาย แต่ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ก็พร้อมที่จะพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา”
บีเอ็มดับเบิลยู สร้างประวัติศาสตร์! NPS พุ่งสูงสุด สะท้อนความพึงพอใจลูกค้าทั้งด้านขายและบริการ
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ ด้วยคะแนน Net Promoter Score (NPS) ที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 ทั้งในด้านการขายและการบริการ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า และตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียม
จากข้อมูลที่เปิดเผยในงานแถลงข่าวประจำปี แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของคะแนน NPS อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 โดยในปี 2024 คะแนน NPS ด้านการขาย (Sales) สูงถึง 95 คะแนน จากลูกค้ากว่า 12,000 ราย และคะแนน NPS ด้านการบริการ (Service) อยู่ที่ 93 คะแนน จากลูกค้ากว่า 56,000 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) อย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า, การขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย, การปรับปรุงโชว์รูมและศูนย์บริการ, รวมถึงการสร้างสรรค์กิจกรรมและประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้า
เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2020 ซึ่งคะแนน NPS ด้านการขายอยู่ที่ 87 คะแนน (จากลูกค้ากว่า 6,200 ราย) และคะแนน NPS ด้านการบริการอยู่ที่ 80 คะแนน (จากลูกค้ากว่า 31,000 ราย) จะเห็นได้ว่า บีเอ็มดับเบิลยู มีพัฒนาการที่ชัดเจน ทั้งในด้านคะแนนความพึงพอใจและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว
นอกจากนี้ จำนวนลูกค้าที่เข้าร่วมการสำรวจ NPS ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของบีเอ็มดับเบิลยูในการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า และนำมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต
บีเอ็มดับเบิลยู มองบวก! คาดตลาดรถหรูปี 68 ฟื้นตัว หลังยอดจอง Motor Expo พุ่ง
นายเรเน่ แกร์ฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มตลาดรถยนต์พรีเมียมในปี 2568 (2025) โดยคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาตลาดจะมีการหดตัวลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยนายแกร์ฮาร์ดกล่าวว่า “เราคาดหวังการเติบโตเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์พรีเมียม”
ปัจจัยสนับสนุนมุมมองเชิงบวกของนายแกร์ฮาร์ด มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบปัญหาในการผ่อนชำระสินเชื่อ (“we help program”) ซึ่งนายแกร์ฮาร์ดเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นความต้องการของตลาด หรืออย่างน้อยที่สุดก็ช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดได้ “ผมคิดว่านี่เป็นความคิดริเริ่มที่ดี และจะช่วยผลักดันความต้องการของตลาด”
นอกจากนี้ นายแกร์ฮาร์ดยังได้กล่าวถึงความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยูในงาน Motor Expo ช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ มียอดจองรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 6 ปี “ในช่วง Motor Expo เรามีแรงผลักดันที่ดีมาก มันเป็นยอดจองที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา” นายแกร์ฮาร์ดกล่าว และเสริมว่า บริษัทฯ จะพยายามรักษาแรงผลักดันนี้ไว้สำหรับงานแสดงรถยนต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายแกร์ฮาร์ดสรุปด้วยการเชิญชวนให้ทุกคนมองอนาคตในแง่ดี โดยกล่าวว่า “เราต้องมองไปในอนาคตด้วยทัศนคติเชิงบวกเล็กน้อย เพราะอย่างที่ว่ากันว่า ฝนไม่ได้ตกตลอดไป ดังนั้นมาดูกันว่าหลังจากตลาดที่ลดลงติดต่อกันสองปี จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง” สะท้อนให้เห็นถึงความหวังและความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยูในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตต่อไป
#BMW #BMWThailand #BMWM #MINI #BMWMotorrad #รถยนต์ไฟฟ้า #EV #ธุรกิจยานยนต์ #เศรษฐกิจไทย #ความพึงพอใจลูกค้า #DealershipExpansion #SalesExcellence #ServiceExcellence