การ์ทเนอร์ เผยรายได้ชิปโลกปี 67 โต 18% ซัมซุงกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์

การ์ทเนอร์ เผยรายได้ชิปโลกปี 67 โต 18% ซัมซุงกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์

 อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกฟื้นตัวแรงในปี 2567 การ์ทเนอร์คาดการณ์รายได้รวม 6.26 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 18.1% ซัมซุงกลับมาครองแชมป์ผู้ผลิตชิปสูงสุด ขณะที่ NVIDIA โชว์ผลงานโดดเด่นด้วยรายได้จากชิป AI ดันขึ้นอันดับ 3 ด้านตลาดดาตาเซ็นเตอร์โตเกือบเท่าตัว

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย (10 กุมภาพันธ์ 2568) – การ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก เปิดเผยรายงานล่าสุดเกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 2567 โดยระบุว่ารายได้รวมของอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.26 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งถึง 18.1% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น การ์ทเนอร์ยังคาดการณ์ว่าในปี 2568 อุตสาหกรรมชิปทั่วโลกจะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นไปอีก แตะระดับ 7.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้มาจากความต้องการชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง (GPUs) และโปรเซสเซอร์ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มแอปพลิเคชันของดาตาเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานสำหรับ Servers และ Accelerator Cards

“ชิป GPUs และโปรเซสเซอร์ AI ที่ใช้ในแอปพลิเคชันของดาตาเซ็นเตอร์ เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในปีที่ผ่านมา” จอร์จ บร็อคเคิลเฮิร์ส รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าว

“ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับงาน AI และ generative AI ทำให้ดาตาเซ็นเตอร์กลายเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากสมาร์ทโฟน”

จากความต้องการที่พุ่งสูงนี้เอง ส่งผลให้รายได้ของเซมิคอนดักเตอร์ในกลุ่มดาตาเซ็นเตอร์ในปี 2567 มีมูลค่ารวมถึง 1.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2566 ที่มีมูลค่า 6.48 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ซัมซุงทวงคืนตำแหน่งผู้นำ, NVIDIA แรงไม่หยุด

ผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นของตลาดโดยรวม ได้ส่งผลต่อการจัดอันดับผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก โดยในปี 2567 มีผู้ผลิตถึง 11 รายจาก 25 อันดับแรกที่มีรายได้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และมีเพียง 8 รายเท่านั้นที่มีรายได้ลดลง

ไฮไลท์สำคัญของการจัดอันดับในปีนี้คือ Samsung Electronics สามารถกลับมาทวงตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งจาก Intel ได้สำเร็จ โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากการฟื้นตัวของราคาอุปกรณ์หน่วยความจำ (Memory Devices) ทำให้บริษัทมีรายได้รวมสูงถึง 6.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทิ้งห่าง Intel ซึ่งรั้งอันดับสองด้วยรายได้ 4.92 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สาเหตุที่ Intel เสียตำแหน่งแชมป์ให้แก่ Samsung เนื่องจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม AI PCs และ Core Ultra Chipset ของ Intel ยังไม่สามารถชดเชยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ AI accelerator ได้เพียงพอ รวมถึงการเติบโตในธุรกิจ x86 ที่ยังไม่มากนัก ส่งผลให้รายได้เซมิคอนดักเตอร์ของ Intel เติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 0.1% ในปี 2567

อีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตามองคือ NVIDIA ซึ่งยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้เซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้นถึง 84% คิดเป็นมูลค่ารวม 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้บริษัทขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลก จากความแข็งแกร่งของธุรกิจชิป AI

การ์ทเนอร์

ชิปหน่วยความจำ (Memory) และ HBM ตัวแปรสำคัญ

ในปี 2567 รายได้จากหน่วยความจำ (Memory) เติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 71.8% คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 25.2% ของยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด โดยรายได้จากชิป DRAM เพิ่มขึ้น 75.4% และรายได้จากหน่วยความจำประเภท NAND เพิ่มขึ้น 75.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

การผลิตหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง หรือ High-Bandwidth Memory (HBM) มีบทบาทสำคัญต่อรายได้ของผู้ผลิตชิป DRAM โดยรายได้จากชิป HBM คิดเป็นสัดส่วน 13.6% ของรายได้ชิป DRAM ทั้งหมดในปี 2567

“Memory และ AI semiconductors จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะสั้น” บร็อคเคิลเฮิร์ส กล่าวเสริม “การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่าตลาดชิป HBM จะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 19.2% ของชิป DRAM ในปี 2568 และคาดว่ารายได้ชิป HBM จะเพิ่มขึ้น 66.3% ในปี 2568 มีมูลค่าแตะ 19.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”

ในขณะเดียวกัน รายได้จาก Nonmemory เพิ่มขึ้น 6.9% ในปี 2567 คิดเป็นสัดส่วน 74.8% ของรายได้เซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวและการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากความต้องการชิป AI และการเติบโตของตลาดดาตาเซ็นเตอร์ การกลับมาของ Samsung ในฐานะผู้นำ และผลงานที่โดดเด่นของ NVIDIA สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและความสำคัญของเทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ การเติบโตของตลาดชิปหน่วยความจำ โดยเฉพาะ HBM ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองในอนาคต

#ชิป #เซมิคอนดักเตอร์ #การ์ทเนอร์ #Samsung #Intel #NVIDIA #AI #ดาตาเซ็นเตอร์ #HBM #Memory #DRAM #NAND #เทคโนโลยี #เศรษฐกิจ #ข่าวไอที

Related Posts