Mercedes-Benz ประกาศความพร้อมในการปฏิวัติวงการยานยนต์ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ นำโดยระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่พัฒนาขึ้นเอง ผสานขุมพลัง AI และเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
Mercedes-Benz สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการยานยนต์อีกครั้ง ด้วยการประกาศแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ ซึ่งจะเข้ามาพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่และยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไปอีกขั้น โดยมี Markus Schäfer สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ Mercedes-Benz Group AG และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี, การพัฒนา และการจัดซื้อ ได้ออกมาเปิดเผยถึงวิสัยทัศน์อันน่าตื่นเต้นนี้
“เรากำลังจะสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าของเรา ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมอย่างเต็มรูปแบบ รถยนต์เหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขาอย่างชาญฉลาด ทุกคันจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบบครบวงจร และใช้ประโยชน์จากการพัฒนาล่าสุดในด้าน AI พวกเขาจะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบ ADAS ล่าสุด และคุณสมบัติทางเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น ระบบบังคับเลี้ยวแบบ steer-by-wire ใหม่” Schäfer กล่าว
“ทุกอย่างจะเริ่มต้นในเร็วๆ นี้ ด้วย CLA ใหม่ของเรา ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์คันแรกของเรา โดยใช้ระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่เราพัฒนาขึ้นเอง ตามมาด้วย GLC ไฟฟ้าใหม่ของเรา ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลาง นี่คือ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ลูกค้าของเรารอคอย”
หัวใจหลัก MB.OS: ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่ควบคุมทุกสิ่ง
ไฮไลต์สำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้ คือ ระบบปฏิบัติการ Mercedes-Benz Operating System (MB.OS) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแบบ chip-to-cloud ที่พัฒนาขึ้นเอง โดย MB.OS จะทำหน้าที่ควบคุมทุกระบบในรถยนต์ ตั้งแต่ระบบ Infotainment, ระบบขับขี่อัตโนมัติ, ระบบอำนวยความสะดวกสบาย ไปจนถึงระบบขับเคลื่อนและการชาร์จ
ด้วยการควบคุมเซ็นเซอร์และแอคชูเอเตอร์ทั้งหมดอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ Mercedes-Benz สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้น MB.OS ยังสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับรถยนต์ทุกเซกเมนต์ และปรับแต่งให้เข้ากับแต่ละภูมิภาคได้ ตัวอย่างเช่น ในด้านระบบนำทาง Mercedes-Benz จะใช้ Google ในตลาดตะวันตก, AMAP สำหรับประเทศจีน และ TMAP ในเกาหลีใต้
ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: แบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง
Mercedes-Benz มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม
- แบตเตอรี่: มีให้เลือกทั้งแบบ Lithium-Iron-Phosphate (LFP) ที่คุ้มค่า และแบบ Nickel-Manganese-Cobalt (NMC) ขั้นสูง รวมถึงเซลล์กลมประสิทธิภาพสูง สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้ใน CLA นั้น มีต้นทุนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานและประสิทธิภาพด้านต้นทุน รวมถึงความก้าวหน้าในด้านเคมีของเซลล์ โดยการผสมผสาน Lithium-Manganese-Oxide (LMO)/NMC จะช่วยลดต้นทุนในขณะที่เพิ่มความหนาแน่นของพลังงานให้เทียบเท่ากับระดับ NMC
- มอเตอร์ไฟฟ้า: Electric Drive Unit 2.0 (EDU 2.0) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับระบบขับเคลื่อนทั้งแบบสองล้อและสี่ล้อในทุกเซกเมนต์
นอกจากนี้ Mercedes-Benz ยังมีเครื่องยนต์สันดาปภายในที่พร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน EU-7 และมีให้เลือกตั้งแต่ 4 ถึง 8 สูบ และในบางตลาดยังคงมีเครื่องยนต์ 12 สูบให้เลือก
เทคโนโลยีล้ำสมัย: ผู้ช่วยเสมือน MBUX และระบบขับขี่อัตโนมัติ
Mercedes-Benz ยังคงผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยี ด้วยระบบบังคับเลี้ยวแบบ steer-by-wire ใหม่ และเทคโนโลยีแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระบายความร้อนด้วยน้ำ
CLA ใหม่ จะมาพร้อมกับ MBUX Virtual Assistant ผู้ช่วยเสมือนที่รวมเอาฟังก์ชัน AI หลายตัวเข้าด้วยกัน โดยใช้ Large Language Models (LLM) ล่าสุด และรวมเอา AI เชิงสนทนาและพฤติกรรมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ประสบการณ์การใช้งานเป็นไปในเชิงรุกและเหมือนมนุษย์มากขึ้น ผู้ช่วยเสมือนนี้สามารถตอบคำถามต่อเนื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติได้นานถึงหนึ่งชั่วโมง ด้วยหน่วยความจำ
MB.OS ยังรองรับระบบขับขี่อัตโนมัติระดับสูง รวมถึงระบบนำทางแบบ point-to-point ระดับ 2++ ที่สามารถจัดการกับการจราจรในเมืองที่ซับซ้อนได้ คุณสมบัตินี้จะพร้อมใช้งานในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาใน CLA ใหม่ และยุโรปจะตามมาทันทีที่กฎหมายอนุญาต ความเร็วสำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติแบบมีเงื่อนไข SAE Level 3 กำลังเพิ่มขึ้น และเป้าหมายคือการนำระบบ 130 กม./ชม. ออกสู่ท้องถนนภายในสิ้นทศวรรษนี้ Mercedes-Benz ยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ได้รับการอนุมัติให้ทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 ในกรุงปักกิ่งบนถนนในเมืองและทางหลวงที่กำหนด
ตลาดจีน: ศูนย์กลางแห่งนวัตกรรมและความร่วมมือ
Mercedes-Benz ให้ความสำคัญกับตลาดจีนเป็นอย่างมาก โดยจีนเป็นที่ตั้งของเครือข่ายการวิจัยและพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดของ Mercedes-Benz นอกประเทศเยอรมนี สิ่งอำนวยความสะดวกในท้องถิ่นในกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ช่วยให้ Mercedes-Benz สามารถใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศและซัพพลายเออร์ในท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่ ทำให้สามารถรักษาระดับมาตรฐานภายในที่สูงในขณะที่สร้างสรรค์นวัตกรรมด้วย “ความเร็วของจีน”
โดย Mercedes-Benz กำลังสร้างมาตรฐานในด้านระบบนำทาง ด้วยระบบนำทางระดับเลนและแผนที่ 3 มิติ การใช้เครือข่าย R&D ของจีนจะช่วยให้ Mercedes-Benz ยกระดับความอัจฉริยะของผลิตภัณฑ์ ในขณะเดียวกันก็ลดความซับซ้อนและต้นทุนลงอย่างมาก ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตสำหรับตลาดจีนจะได้รับการพัฒนาในท้องถิ่น และเต็มไปด้วยแอปและเนื้อหาเฉพาะของจีน รวมถึงคุณสมบัติ Infotainment และระบบขับขี่อัตโนมัติโดยเฉพาะ ในส่วนหนึ่งของแคมเปญเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ประกาศไว้ จะมีรถยนต์ 7 รุ่นสำหรับประเทศจีนในทุกเซกเมนต์และระบบขับเคลื่อน
แม้จะเผชิญกับปีที่ท้าทายในปี 2024 แต่การดำเนินงานร่วมทุนของ Mercedes-Benz ในจีนก็ยังคงให้ผลตอบแทนจากการขายที่แข็งแกร่ง Mercedes-Benz วางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการร่วมทุน BBAC ร่วมกับพันธมิตร โดยมีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนวัสดุลง 10% ผ่านการจัดหาชิ้นส่วนในห่วงโซ่อุปทานของจีนให้ลึกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนการผลิตผันแปรและต้นทุนคงที่ รวมถึงการประเมินการปรับเปลี่ยนเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและพื้นที่การผลิต
การลงทุนเพื่ออนาคต:
Mercedes-Benz ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่ลูกค้าเป็นหลัก บริษัทจะยังคงลงทุนใน Mercedes-Benz Tech Stack เพื่อรักษาและขยายตำแหน่งในด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ การรวม MB.OS ในแนวตั้งจะช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างต่อเนื่องและทำซ้ำได้ โดยเน้นที่ซอฟต์แวร์มากขึ้น การใช้เครื่องมือดิจิทัลยังช่วยให้ Mercedes-Benz บรรลุประสิทธิภาพในระดับที่สูงขึ้นในการใช้ฮาร์ดแวร์และกลุ่มทดสอบ
คาดว่าการลงทุนจะถึงจุดสูงสุดในปี 2025 เนื่องจากแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์จำนวนมาก และจะลดลงตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป การลงทุนส่วนใหญ่สำหรับรถยนต์ตระกูล CLA, GLC ไฟฟ้า และ C-Class รวมถึงรุ่น AMG.EA จะแล้วเสร็จภายในปี 2027 โดยมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ท้องถนน การลงทุนในเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายในจะยังคงมีจำกัด เนื่องจากความซับซ้อนของระบบส่งกำลังลดลง และการใช้โมดูลอัจฉริยะระหว่าง BEV และผลิตภัณฑ์ ICE ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เครื่องยนต์สี่สูบประสิทธิภาพสูงสำหรับ CLA ใหม่ทั้งหมดได้รับการพัฒนาและออกแบบโดย Mercedes-Benz และกำลังผลิตร่วมกับพันธมิตรในประเทศจีน
ทั้งนี้ การประกาศแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของ Mercedes-Benz ในครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศศักดาในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ ด้วยการผสมผสานระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่พัฒนาขึ้นเอง ขุมพลัง AI และเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง เข้ากับรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว ไม่ว่าจะเป็น CLA, GLC ไฟฟ้า หรือรุ่นอื่นๆ ในอนาคต Mercedes-Benz กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ และพร้อมที่จะนำพาผู้ขับขี่ไปสู่ยุคใหม่ของประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ
#MercedesBenz #CLA #GLC #MBOS #AI #AutonomousDriving #ElectricVehicles #Innovation #Technology #FutureOfMobility #China