นิสสัน มอเตอร์ ปิดโรงงานไทยแห่งแรก ลดคนทั่วโลก เร่งเครื่องสู่ยุค EV

นิสสัน มอเตอร์ ปิดโรงงานไทยแห่งแรก ลดคนทั่วโลก เร่งเครื่องสู่ยุค EV

นิสสัน มอเตอร์ ประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ ลดต้นทุนทั่วโลก ปลดพนักงานทั่วโลกกว่า 2,500 ตำแหน่ง พร้อมปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกในไทยที่บางเสาธง สมุทรปราการ ภายในปี 2568 หวังพลิกฟื้นธุรกิจหลังยุติการควบรวมกับฮอนด้า เร่งเครื่องพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) เจาะตลาดจีน

นิสสัน มอเตอร์ กำลังเผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจครั้งสำคัญ ล่าสุดประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจทั่วโลกเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายลดต้นทุนลงประมาณ 400,000 ล้านเยน (ประมาณ 89,420 ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 1 เยน = 0.22355 บาท) ภายในปีงบประมาณ 2026 ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เตรียมปิดฉากโรงงานแห่งแรกในไทย:

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือ การประกาศปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกของนิสสันในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 220,000 คันต่อปี โดยโรงงานแห่งนี้เคยเป็นฐานการผลิตรถยนต์หลายรุ่นที่ได้รับความนิยมในอดีต เช่น เทียน่า, เอ็กซ์เทรล, ซิลฟี่, โน๊ต, มาร์ช และอัลเมร่า (โมเดลแรก) อย่างไรก็ตาม นิสสันจะปรับเปลี่ยนโรงงานแห่งนี้ให้เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แทน

ส่วนรถยนต์รุ่นที่ยังผลิตอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ อัลเมร่า (โฉมปัจจุบัน) และคิกส์ จะถูกย้ายสายการผลิตไปยังโรงงานแห่งที่สอง ซึ่งปัจจุบันผลิตรถปิกอัพนาวารา และเทอร์ร่า ทำให้ภายในปี 2568 นิสสันจะเหลือโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเพียงแห่งเดียว

ลดต้นทุน ปรับโครงสร้างพนักงาน:

นอกจากการปิดโรงงานในไทยแล้ว นิสสันยังมีแผนลดต้นทุนในด้านอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงการลดจำนวนพนักงานประจำสำนักงานลง 2,500 คนทั่วโลก พร้อมทั้งปรับรูปแบบการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และรวมสายการผลิตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายมาโกโตะ อูชิดะ ประธานและซีอีโอ นิสสัน กล่าวว่า “เราทุ่มเทเพื่อให้บรรลุโครงสร้างต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่ขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้รวมผ่านผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าของเรา เรากำลังดำเนินการพลิกฟื้นธุรกิจโดยเน้นที่ประสิทธิภาพ และการเติบโตด้วยความเร็ว มุ่งสู่จุดหมายของบริษัทฯ”

มุ่งสู่ยานยนต์แห่งอนาคต:

แม้จะมีการปรับลดขนาดองค์กร แต่ นิสสัน ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์พลังงานทางเลือก โดยมีแผนเปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ในปีงบประมาณ 2568 และ 2569 รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเสริมทัพในตลาดโลก

นอกจากนี้ นิสสันยังให้ความสำคัญกับตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะมีการพัฒนารถยนต์ NEV รุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในจีนโดยเฉพาะ

ผลกระทบและอนาคตของนิสสันในไทย:

การปิดโรงงานแห่งแรกในไทยของนิสสัน สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคของเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือก

แม้ว่าการปิดโรงงานจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในประเทศ แต่การที่นิสสันยังคงมีโรงงานผลิตรถยนต์อีกแห่งหนึ่งในไทย รวมถึงโรงงานประกอบแบตเตอรี่สำหรับเครื่องยนต์อี-พาวเวอร์ ซึ่งเป็นสายการประกอบแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่านิสสันยังคงให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม อนาคตของนิสสันในประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคยานยนต์ไฟฟ้า

ผลประกอบการ นิสสัน มอเตอร์ ไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2024: 

นิสสันได้ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2024 โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • ยอดขายรวม: 9.14 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2 ล้านล้านบาท) ลดลงจากปีก่อนหน้า 28.2 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท)
  • กำไรจากการดำเนินงาน: 6.4 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาท) ลดลงจากปีก่อนหน้า 4.14 แสนล้านเยน (ประมาณ 9.25 หมื่นล้านบาท)
  • กำไรสุทธิ: 5.1 พันล้านเยน (ประมาณ 1.14 พันล้านบาท)

บริษัทได้ปรับลดประมาณการผลประกอบการตลอดทั้งปีงบประมาณ 2024 โดยคาดการณ์ว่าจะมีผลขาดทุนสุทธิ 80,000 ล้านเยน (ประมาณ 17,900 ล้านบาท)

#Nissan #นิสสัน #ปิดโรงงาน #ปรับโครงสร้าง #รถยนต์ไฟฟ้า #EV #NEV #อุตสาหกรรมยานยนต์ #ข่าวเศรษฐกิจ

หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการคำนวณเป็นอัตราโดยประมาณ ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 (1 เยน = 0.22355 บาท) เพื่อให้เห็นภาพรวมของมูลค่าในสกุลเงินบาทเท่านั้น อัตราแลกเปลี่ยนจริงอาจมีความผันผวน

Related Posts