VFS Global ลุย AI เต็มสูบ! เปิดศูนย์วิจัย 2 แห่งทั่วโลก ปฏิวัติวงการ วีซ่า

VFS Global ลุย AI เต็มสูบ! เปิดศูนย์วิจัย 2 แห่งทั่วโลก ปฏิวัติวงการ วีซ่า

กรุงเทพฯ, ประเทศไทยVFS Global บริษัทผู้ให้บริการด้าน วีซ่า และกงสุลชั้นนำของโลก ประกาศเดินหน้าลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) อย่างเต็มรูปแบบ โดยเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางเทคนิคด้าน AI (AI Centers of Technical Excellence) ถึง 2 แห่งในมุมไบ และดูไบ มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเพื่อนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการให้บริการวีซ่าและกงสุลให้มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

นายเกาชิค กอซ หัวหน้าฝ่ายออสตราเลเชียของ VFS Global เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยระบุว่า AI คืออนาคต และ VFS Global ได้ลงทุนอย่างมากในด้าน Generative AI (Gen AI) เพื่อพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการและรัฐบาลทั่วโลก

Gen AI พลิกโฉมบริการ วีซ่า:

VFS Global กำลังพัฒนาแชทบอทอัจฉริยะ (Intelligent Chatbot) ที่สามารถให้บริการข้อมูลและตอบคำถามเกี่ยวกับเอกสารวีซ่าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ โดยแชทบอทนี้จะรองรับหลายภาษา เช่น ภาษาจีนกลาง ภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอินโดนีเซีย เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้งานจากหลากหลายประเทศทั่วโลก

นอกเหนือจากแชทบอทแล้ว VFS Global ยังนำเทคโนโลยี AI มาใช้ร่วมกับเทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) ในการดึงข้อมูล (Data Extraction) จากหนังสือเดินทางแบบอัตโนมัติ ทำให้การกรอกข้อมูลในใบสมัครวีซ่าเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดความผิดพลาดในการป้อนข้อมูล และลดระยะเวลาในการดำเนินการ

ความร่วมมือกับรัฐบาล: กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม นายเกาชิค กอซ ย้ำว่า การนำเทคโนโลยี Gen AI มาใช้ในธุรกิจวีซ่าและกงสุลนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลของแต่ละประเทศก่อน เนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องมีความสำคัญและเป็นความลับ

“การนำ Gen AI มาใช้จะต้องค่อยเป็นค่อยไป เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลต่างๆ ให้เห็นถึงประโยชน์และความปลอดภัยของเทคโนโลยีนี้” นายเกาชิค กอซ กล่าว

VFS Global จึงให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก เพื่อหารือถึงแนวทางการนำ AI มาใช้ในการปรับปรุงบริการวีซ่าและกงสุลให้ดียิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ

พันธมิตรกับ Responsible AI Institute:

เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการพัฒนาและการใช้งาน AI ของ VFS Global เป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ Responsible AI Institute ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำด้านการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม

ความร่วมมือนี้จะช่วยให้ VFS Global สามารถพัฒนาและนำ AI มาใช้ได้อย่างมั่นใจ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

ศูนย์วิจัย AI: แหล่งบ่มเพาะนวัตกรรม

ศูนย์ความเป็นเลิศทางเทคนิคด้าน AI ทั้ง 2 แห่งของ VFS Global จะเป็นศูนย์กลางในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI ใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการ วีซ่า และกงสุล

ศูนย์เหล่านี้จะทำหน้าที่เป็น “โชว์เคส” เพื่อแสดงให้รัฐบาลต่างๆ เห็นถึงศักยภาพของ VFS Global ในการนำ AI มาใช้ในการปรับปรุงบริการ และแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีความพร้อมสำหรับอนาคต

อนาคตของบริการวีซ่าในประเทศไทย:

สำหรับประเทศไทย VFS Global ยังไม่ได้เปิดให้บริการ แต่สามารถเข้าใช้บริการแชทบอทหลายภาษาบนเว็บไซต์วีซ่าของอินโดนีเซียได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่บริษัทฯ ให้บริการอยู่ และมีแผนที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในประเทศไทยในอนาคต หากได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลไทย

“ในอนาคต ก็มีโอกาสที่จะนำเทคโนโลยี OCR และ AI มาใช้ในการดึงข้อมูลจากหนังสือเดินทางของผู้สมัครวีซ่าชาวไทย เพื่ออำนวยความสะดวกและลดระยะเวลาในการดำเนินการ” นายเกาชิค กอซ กล่าว

ความท้าทายและโอกาส:

แม้ว่า AI จะมีศักยภาพในการปฏิวัติวงการวีซ่าและกงสุล แต่ก็ยังมีข้อจำกัดและความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ความเป็นส่วนตัว และความถูกต้องแม่นยำของ AI

VFS Global ตระหนักถึงความท้าทายเหล่านี้ และมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อให้การนำ AI มาใช้เป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย

ทั้งนี้ VFS Global กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการให้บริการวีซ่าและกงสุล ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ การลงทุนในศูนย์วิจัย AI และการสร้างความร่วมมือกับรัฐบาลและองค์กรต่างๆ ทั่วโลก จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ VFS Global สามารถบรรลุเป้าหมายในการให้บริการวีซ่าและกงสุลที่มีประสิทธิภาพ สะดวกสบาย และปลอดภัยยิ่งขึ้น

#VFSGlobal #AI #GenerativeAI #วีซ่า #เทคโนโลยี #ศูนย์วิจัยAI #OCR #แชทบอทอัจฉริยะ #DataExtraction #ResponsibleAI #ImmigrationTech

Related Posts