เอไอเอส ตอกย้ำผู้นำด้านดิจิทัล เปิดข้อมูล AIS Secure Net บล็อกภัยคุกคามออนไลน์กว่า 500 ล้านครั้ง ตั้งแต่ปี 2562 เฉลี่ยวันละ 2.4 แสนครั้ง ชี้มัลแวร์-ฟิชชิ่ง-ไวรัส ครองแชมป์ภัยร้าย พร้อมประกาศปี 2568 เป็นปีแห่งความปลอดภัยไซเบอร์ ชวนลูกค้ามือถือ-เน็ตบ้าน ใช้บริการฟรี เสริมเกราะป้องกัน เพิ่มความอุ่นใจในการใช้งานอินเทอร์เน็ต
ท่ามกลางสถานการณ์อาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทวีความรุนแรงขึ้น เอไอเอส (AIS) ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลชั้นนำของไทย เดินหน้าภารกิจ “AIS อุ่นใจไซเบอร์” อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเผยสถิติการทำงานของบริการ AIS Secure Net ที่ช่วยปกป้องผู้ใช้งานจากเว็บไซต์อันตราย โดยสามารถตรวจจับและบล็อกภัยคุกคามไปแล้วกว่า 500 ล้านครั้ง นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 สะท้อนภาพความเสี่ยงที่ผู้บริโภคต้องเผชิญในโลกออนไลน์ พร้อมกันนี้ เอไอเอสได้ประกาศเจตนารมณ์ให้ปี 2568 เป็น “ปีแห่งความปลอดภัยไซเบอร์” เชิญชวนลูกค้าเอไอเอสทั้งมือถือและเน็ตบ้าน เปิดใช้งาน AIS Secure Net ได้ฟรี เพื่อร่วมกันสร้างเกราะป้องกันภัยออนไลน์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ในยุคดิจิทัลที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน ภัยคุกคามทางไซเบอร์ก็มีวิวัฒนาการและเพิ่มความซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนจำนวนมาก เอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มุ่งมั่นส่งเสริมการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้ตระหนักถึงปัญหานี้และดำเนินการเชิงรุกเพื่อปกป้องลูกค้าและคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เอไอเอส ได้เปิดเผยข้อมูลสถิติที่น่าสนใจจากบริการ “AIS Secure Net” ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยคัดกรองและป้องกันภัยคุกคามบนโลกออนไลน์ให้กับผู้ใช้งาน โดยนับตั้งแต่เริ่มให้บริการเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน ระบบ AIS Secure Net ได้ทำการตรวจจับและบล็อกเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงสูงไปแล้วมากกว่า 500 ล้านครั้ง คิดเป็นค่าเฉลี่ยที่น่าตกใจถึงกว่า 240,000 ครั้งต่อวัน ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปริมาณภัยคุกคามมหาศาลที่แฝงตัวอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ต และความจำเป็นเร่งด่วนที่ผู้ใช้งานทุกคนต้องมีเครื่องมือป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
ข้อมูลจาก AIS Secure Net ยังชี้ให้เห็นถึงประเภทของภัยคุกคามออนไลน์ที่คนไทยตกเป็นเป้าหมายมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่:
- มัลแวร์ (Malware): โปรแกรมประสงค์ร้ายที่มักถูกซ่อนมากับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อหลอกล่อให้ผู้ใช้ติดตั้งหรือคลิกเข้าไป เมื่อมัลแวร์สามารถแทรกซึมเข้าสู่อุปกรณ์ได้แล้ว มันจะเปรียบเสมือนการเปิดประตูให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาควบคุม สอดแนมการใช้งาน หรือแม้กระทั่งขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนได้ มัลแวร์มีหลากหลายรูปแบบ เช่น ไวรัส, โทรจัน, แรนซัมแวร์ (มัลแวร์เรียกค่าไถ่) ซึ่งล้วนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงได้ทั้งสิ้น
- เว็บไซต์ปลอม (Phishing Sites): ถือเป็นภัยคลาสสิกแต่ยังคงได้ผลอยู่เสมอ คนร้ายจะสร้างหน้าเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบเว็บไซต์ของสถาบันการเงิน, หน่วยงานราชการ, หรือบริการออนไลน์ยอดนิยมต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน โดยมีเป้าหมายหลักคือหลอกลวงให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น ชื่อผู้ใช้งาน, รหัสผ่าน, หมายเลขบัตรประชาชน, วันเดือนปีเกิด, ข้อมูลบัตรเครดิต หรือรหัส OTP หากหลงเชื่อกรอกข้อมูลเหล่านี้ไป อาจนำไปสู่การถูกสวมรอยทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการถูกขโมยอัตลักษณ์ได้
- ไวรัส (Virus Sites): เว็บไซต์ที่มีการฝังโปรแกรมไวรัสหรือสคริปต์อันตรายเอาไว้ เมื่อผู้ใช้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์เหล่านี้โดยไม่ระวัง ไวรัสอาจถูกดาวน์โหลดและติดตั้งลงบนอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ หรือผ่านการคลิกลิงก์/ปุ่มบางอย่าง ไวรัสสามารถก่อกวนการทำงานของระบบ ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนทำงานช้าลง ผิดปกติ หรือเสียหายหนักถึงขั้นข้อมูลสำคัญสูญหายได้
จากสถานการณ์ภัยคุกคามที่น่ากังวลนี้ และเพื่อเป็นการยกระดับการดูแลความปลอดภัยให้กับลูกค้าและสังคมไทย เอไอเอสจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ให้ปี 2568 เป็น “ปีแห่งความปลอดภัยไซเบอร์” โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้คนไทยใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น หนึ่งในกลไกสำคัญคือการเชิญชวนให้ผู้ใช้บริการของเอไอเอสทุกคน หันมาใช้ประโยชน์จากบริการ AIS Secure Net ซึ่งเปรียบเสมือนด่านหน้าในการป้องกันภัยคุกคามเหล่านี้
AIS Secure Net: เกราะป้องกันด่านแรก ใช้งานง่าย…ฟรี!
จุดเด่นสำคัญของ AIS Secure Net คือการมอบการปกป้องที่ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับลูกค้าเอไอเอสทุกคน โดย ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- สำหรับลูกค้ามือถือเอไอเอส: ทั้งระบบรายเดือนและระบบเติมเงิน สามารถเปิดใช้บริการ AIS Secure Net ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ เพิ่มเติม เพียงกดรหัส 6896# แล้วกดโทรออก ระบบจะทำการเปิดใช้งานการป้องกันให้โดยอัตโนมัติ เมื่อเปิดใช้งานแล้ว บริการจะช่วยบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกระบุว่าเป็นอันตราย ไม่ว่าจะเป็นลิงก์ที่ได้รับผ่าน SMS, อีเมล หรือจากการท่องเว็บโดยตรงผ่านเครือข่ายมือถือ AIS
- สำหรับลูกค้าเน็ตบ้าน AIS FIBRE3: สามารถเปิดใช้บริการ AIS Secure Net ได้ฟรีเช่นกัน ผ่านทางเว็บไซต์ https://m.ais.co.th/fibresecurenet/ โดยการป้องกันนี้จะครอบคลุมทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย AIS FIBRE3 ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC/Notebook), สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, สมาร์ททีวี, กล่อง AIS PLAY, หรือกล่องแอนดรอยทีวีต่างๆ ทำให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้รับการปกป้องไปพร้อมกัน
“AIS อุ่นใจไซเบอร์”: ภารกิจสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัลเพื่อคนไทย
นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวถึงความมุ่งมั่นของบริษัทว่า “ในวันนี้ที่สังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น เอไอเอสในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการสร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์ให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ภารกิจหลัก ‘AIS อุ่นใจไซเบอร์’ ซึ่งเราดำเนินงานในสองมิติสำคัญ คือ การพัฒนาเครื่องมือและบริการที่ช่วยสร้างความปลอดภัยในการใช้งานดิจิทัลให้กับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการ AIS Secure Net ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้พิทักษ์ ช่วยกลั่นกรองและบล็อกเว็บไซต์อันตราย ไม่ให้ลูกค้าของเราตกเป็นเหยื่อของภัยออนไลน์โดยไม่รู้ตัว และอีกมิติคือ การเสริมสร้างทักษะความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล (Digital Literacy) ให้กับประชาชน เพื่อให้รู้เท่าทันกลโกงรูปแบบต่างๆ ของมิจฉาชีพ ผ่านหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ที่เราได้พัฒนาและเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง”
นอกจากการใช้เครื่องมือป้องกันจากผู้ให้บริการแล้ว นางสายชลยังได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันตนเองเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อภัยไซเบอร์ ได้แก่:
- หลีกเลี่ยงการใช้ WiFi สาธารณะในการทำธุรกรรมทางการเงิน: เครือข่าย WiFi สาธารณะอาจไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลที่ดีพอ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกดักจับข้อมูลสำคัญได้ ควรใช้เครือข่ายส่วนตัวหรือเครือข่ายมือถือ (Cellular Data) ที่มีความปลอดภัยมากกว่าเมื่อต้องทำธุรกรรมออนไลน์
- ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยากและแตกต่างกันในแต่ละบริการ: ไม่ควรใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับทุกบัญชี และหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัวที่คาดเดาได้ง่าย เช่น วันเดือนปีเกิด, หมายเลขโทรศัพท์ หรือชุดตัวเลข/ตัวอักษรเรียงกัน ควรใช้รหัสผ่านที่ผสมผสานระหว่างตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
- สังเกต URL ของเว็บไซต์ก่อนกรอกข้อมูล: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่กำลังใช้งาน โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน ใช้โปรโตคอลที่ปลอดภัย (HTTPS) ซึ่งจะมีรูปแม่กุญแจปรากฏอยู่หน้า URL แทนที่จะเป็น HTTP ธรรมดา ซึ่งไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล
การประกาศให้ปี 2568 เป็นปีแห่งความปลอดภัยไซเบอร์ และการผลักดันให้ลูกค้าใช้งาน AIS Secure Net อย่างแพร่หลาย สะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและความมุ่งมั่นของเอไอเอสในการเป็นมากกว่าผู้ให้บริการสัญญาณ แต่ยังเป็นผู้ดูแลและสร้างความอุ่นใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับคนไทยทุกคน การป้องกันภัยไซเบอร์ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งจากผู้ให้บริการที่ต้องพัฒนาเครื่องมือป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และจากผู้ใช้งานที่ต้องมีความตระหนักรู้ ระมัดระวัง และใช้เครื่องมือที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
#AIS #AISอุ่นใจไซเบอร์ #AISSecureNet #ความปลอดภัยไซเบอร์ #ภัยออนไลน์ #บล็อกเว็บ #มัลแวร์ #ฟิชชิ่ง #ไวรัส #ข่าวเศรษฐกิจ #โทรคมนาคม #ดิจิทัล #AISFIBRE3 #ความปลอดภัยทางไซเบอร์ #ปีแห่งความปลอดภัยไซเบอร์2568