4 เสาหลัก ผนึกกำลัง ปั้น “Family Business Thailand” ดันธุรกิจครอบครัว

4 เสาหลัก ผนึกกำลัง ปั้น “Family Business Thailand” ดันธุรกิจครอบครัว

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ สภาหอการค้าฯ – ม.หอการค้าไทย – ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขับเคลื่อนโครงการ Family Business Thailand สร้าง “ธรรมนูญครอบครัว” หนุน SMEs ไทยเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมจัดอบรมรุ่น 4 ที่สุราษฎร์ธานี 23 เม.ย. นี้

ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย คิดเป็นสัดส่วนถึง 71.23% ของ GDP ประเทศ เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ผนึกกำลังกับ 3 องค์กรหลัก ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ Family Business Thailand เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจครอบครัวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

โครงการFamily Business Thailand มุ่งเน้นการสร้าง “ธรรมนูญครอบครัว” ให้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสำหรับสมาชิกในครอบครัว เพื่อลดความขัดแย้งและส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างคนต่างรุ่น (Generation Gap) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การส่งต่อธุรกิจครอบครัวไม่ราบรื่น นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้ง “สภาครอบครัว” เพื่อเป็นเวทีในการแก้ไขปัญหาและสร้างความร่วมมือภายในครอบครัว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวย้ำถึงความสำคัญของธุรกิจครอบครัวในฐานะรากฐานของเศรษฐกิจไทย และเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ โครงการFamily Business Thailand จึงเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจครอบครัวไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนในหลายมิติ เช่น การอบรมสัมมนา, การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญและกรณีศึกษาธุรกิจต้นแบบ, การจัดทำธรรมนูญครอบครัวเพื่อลดความขัดแย้ง, และการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการพัฒนาการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ

“กรมฯ ยังมีแนวทางขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน สถาบันการศึกษาและวิจัย เพื่อพัฒนาหลักสูตรการบริหารธุรกิจครอบครัว รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคเอกชนอื่น ๆ ที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจครอบครัว ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวไทยสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นางอรมน กล่าวเสริม

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงปัญหาการส่งต่อธุรกิจครอบครัวที่มีสาเหตุหลักมาจากความไม่เข้าใจระหว่างสมาชิกในครอบครัวที่มีช่องว่างระหว่างวัย การมี “ธรรมนูญครอบครัว” และ “สภาครอบครัว” จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวเติบโตได้อย่างยั่งยืน

“โครงการFamily Business Thailand จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำความเข้าใจเรื่องการสร้างธรรมนูญครอบครัว อีกทั้งยังสามารถแบ่งปันประสบการณ์จากธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวอื่น ๆ ใช้เป็นกรณีศึกษาได้ อีกทั้งยังจะสามารถต่อยอดสู่เป้าหมายของการพัฒนา “ธรรมนูญแห่งชาติ” ในอนาคตสำหรับธุรกิจครอบครัวในระดับมหภาคอีกด้วย” นายสนั่นกล่าว และยังเน้นย้ำว่า “คนรุ่นใหญ่” ในธุรกิจครอบครัวต้องรับฟัง “คนรุ่นใหม่” ด้วยความเข้าใจ และให้แง่คิด มุมมองต่าง ๆ ที่ดี เพื่อให้การสืบทอดธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น

ในปีนี้ โครงการFamily Business Thailand ได้รับเกียรติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้าร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลัก เพื่อสนับสนุนด้านองค์ความรู้และแนวทางพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเชื่อมโยงโอกาสสู่ตลาดทุน

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจครอบครัวจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการFamily Business Thailand” ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนา LiVE Platform ให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวสามารถเข้าถึงหลักสูตรเฉพาะด้าน เช่น การบริหารจัดการภายใน, การปรับโครงสร้างธุรกิจ, การวางแผนมรดก, และการสร้างกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ในวาระครบรอบ 50 ปีของตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้ขยายความร่วมมือด้านงานวิจัยเพื่อสนับสนุนให้นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจัดทำงานวิจัยที่เชื่อมโยงธุรกิจครอบครัวกับตลาดทุนและเศรษฐกิจไทย

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า มหาวิทยาลัยฯ ตระหนักถึงบทบาทในการช่วยขับเคลื่อน ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้มีศักยภาพมากขึ้น จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการผลิตองค์ความรู้ งานวิจัย และกรณีศึกษาที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง

“ในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ผสานความร่วมมือกับ สภาหอการค้าไทย ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกกว่า 200,000 ราย กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดนโยบายและส่งเสริมภาคธุรกิจ และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีธุรกิจครอบครัวจดทะเบียนอยู่เป็นจำนวนมาก ความร่วมมือระหว่างทั้งสี่หน่วยงานนี้จึงย่อมจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจครอบครัวไทยในทุกระดับ” รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าว

โครงการ Family Business Thailand ได้จัดอบรมให้กับผู้ประกอบการ SMEs มาแล้ว 3 รุ่น ที่กรุงเทพฯ, ชลบุรี และเชียงใหม่ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในปีนี้ได้จัดการอบรมรุ่นที่ 4 ในวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่โรงแรมแก้วสมุยรีสอร์ท จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ผู้ประกอบการในภาคใต้ได้เข้าร่วมและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง

ความร่วมมือของ 4 องค์กรหลักในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยผ่านการสนับสนุนธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย การสร้าง “ธรรมนูญครอบครัว” และการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจครอบครัวในทุกมิติ จะนำไปสู่ความยั่งยืนของธุรกิจ และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในระยะยาว

#SuperDBD #กระทรวงพาณิชย์ #FamilyBusinessThailand #ธุรกิจครอบครัว #SMEs #ธรรมนูญครอบครัว #สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย #มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย #ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #เศรษฐกิจไทย #สุราษฎร์ธานี

Related Posts