ทริสเรทติ้ง ประกาศลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เป็น “BB” จาก “BB+” พร้อมประกาศเครดิตพินิจ “Negative” สะท้อนสภาพคล่องตึงตัว เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ หลังบริษัทฯ เรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ขอขยายเวลาไถ่ถอน
สถานการณ์ทางการเงินของ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งสำคัญ เมื่อทริสเรทติ้ง บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศไทย ประกาศลดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทฯ ลงมาอยู่ที่ระดับ “BB” จากเดิม “BB+” พร้อมทั้งยังคงสถานะเครดิตพินิจ (CreditWatch) เป็น “Negative” หรือ “ลบ” เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
การปรับลดอันดับเครดิตครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงินที่ตึงตัวของ ไทยโพลีคอนส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นที่กำลังจะครบกำหนด ทริสเรทติ้งระบุว่า สภาพคล่องของบริษัทฯ ในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะรองรับภาระหนี้ที่จะครบกำหนดในระยะเวลาอันใกล้
ยิ่งไปกว่านั้น ทริสเรทติ้งยังได้ประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ให้กับอันดับเครดิตของ ไทยโพลีคอนส์ หลังจากที่บริษัทฯ ได้ตัดสินใจเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 เพื่อพิจารณาการขยายระยะเวลาไถ่ถอนหุ้นกู้ ซึ่งการประกาศเครดิตพินิจในลักษณะนี้ บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนของผลการประชุม และความเสี่ยงที่บริษัทฯ อาจต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ หากไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้ให้ขยายระยะเวลาไถ่ถอนออกไป
ไทยโพลีคอนส์ มีแผนที่จะขยายระยะเวลาไถ่ถอนหุ้นกู้ที่มีหลักประกัน มูลค่า 360 ล้านบาท ออกไปอีก 11 เดือน พร้อมทั้งเสนอปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย และขอจ่ายชำระเงินต้นบางส่วน โดยบริษัทฯ วางแผนที่จะขายที่ดิน ซึ่งเป็นหลักประกันของหุ้นกู้ดังกล่าว เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ การดำเนินการดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากสภาพคล่องในปัจจุบันของบริษัทฯ ไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม หุ้นกู้ดังกล่าวจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันเดียวกับที่มีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ทำให้ ไทยโพลีคอนส์ จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้ ทั้งในแง่ของจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมที่ครบองค์ประชุม และความเห็นชอบในการขยายระยะเวลาไถ่ถอน ภายในครั้งเดียวเท่านั้น
แม้ว่าผู้ถือหุ้นกู้จะอนุมัติให้ขยายระยะเวลาไถ่ถอน ไทยโพลีคอนส์ ก็ยังคงมีภาระผูกพันที่จะต้องชำระหนี้บางส่วน จำนวน 36 ล้านบาท ในเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งบริษัทฯ จะต้องบริหารจัดการสภาพคล่องเพื่อชำระหนี้ส่วนนี้ให้ได้
นอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับหุ้นกู้แล้ว ทริสเรทติ้งยังแสดงความกังวลถึงภาระหนี้สินรวมของ ไทยโพลีคอนส์ ที่จะครบกำหนดในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งมีจำนวนมาก และคาดว่าบริษัทฯ อาจจำเป็นต้องรีไฟแนนซ์หนี้สินบางส่วน
ทริสเรทติ้งระบุว่า อาจมีการปรับลดอันดับเครดิตของ ไทยโพลีคอนส์ ลงอีก หากมีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทฯ จะไม่สามารถจัดหาสภาพคล่องที่เพียงพอ หรือไม่สามารถรีไฟแนนซ์หนี้สินได้ และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากคาดว่าจะมีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น ทริสเรทติ้งอาจพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตลงอีกหลายขั้น
ในทางกลับกัน ทริสเรทติ้งอาจพิจารณายกเลิกเครดิตพินิจ หาก ไทยโพลีคอนส์ สามารถแสดงให้เห็นถึงมาตรการที่ชัดเจน และมีประสิทธิภาพในการจัดการกับสถานะสภาพคล่องที่อ่อนแอของบริษัทฯ ได้
การปรับลดอันดับเครดิตและเครดิตพินิจ “Negative” ในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญสำหรับ ไทยโพลีคอนส์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนที่ถือหุ้นกู้ของบริษัทฯ ซึ่งจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
สถานการณ์ของ ไทยโพลีคอนส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
สถานการณ์ของ ไทยโพลีคอนส์ ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับภาคธุรกิจไทย ในการบริหารจัดการสภาพคล่อง และความเสี่ยงทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความผันผวน และไม่แน่นอน
อนาคตของ ไทยโพลีคอนส์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งความสำเร็จในการเจรจาขยายระยะเวลาไถ่ถอนหุ้นกู้, ความสามารถในการขายที่ดินที่เป็นหลักประกัน, การบริหารจัดการกระแสเงินสด, และความสามารถในการรีไฟแนนซ์หนี้สินที่จะครบกำหนดในอนาคต
หาก ไทยโพลีคอนส์ สามารถฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ ก็มีโอกาสที่จะพลิกฟื้นสถานะทางการเงิน และกลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่รุนแรงยิ่งขึ้น
#ไทยโพลีคอนส์ #TPOLY #ทริสเรทติ้ง #หุ้นกู้ #ผิดนัดชำระหนี้ #สภาพคล่อง #อสังหาริมทรัพย์ #ข่าวเศรษฐกิจ #การเงิน