สภาทองคำโลก (World Gold Council) ออกโรงเคลียร์ประเด็นร้อน ตลาดทองคำโลกปั่นป่วนจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ยันปริมาณทองคำคงคลังในลอนดอนลดลงจริง แต่ไม่น่ากังวล เหตุทองคำ COMEX พุ่งเป็นประวัติการณ์ ชี้เป็นเพียงการปรับตัวระยะสั้น พร้อมเผยสัญญาณตลาดเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ
ท่ามกลางกระแสความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของตลาดทองคำโลก อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา และรายงานปริมาณทองคำคงคลังในลอนดอนที่ลดลง สภาทองคำโลก (WGC) ได้ออกบทวิเคราะห์เพื่อคลายข้อสงสัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยยืนยันว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงการปรับตัวระยะสั้น และตลาดทองคำจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในไม่ช้า
ทองคำ COMEX พุ่ง สวนทางทองคำลอนดอนลด
ฮวน คาร์ลอส อาร์ติกัส หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลก และ จอห์น รีด นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโส ประจำยุโรปและเอเชีย สภาทองคำโลก ชี้ว่า ปริมาณทองคำคงคลังในตลาด COMEX (Commodity Exchange) ณ เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2568 โดยทองคำที่ได้รับการขึ้นทะเบียน (Registered) เพิ่มขึ้นเกือบ 300 ตัน (9 ล้านออนซ์) และทองคำที่มีสิทธิ์ซื้อขายแลกเปลี่ยน (Eligible) เพิ่มขึ้นมากกว่า 500 ตัน (17 ล้านออนซ์) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วง COVID-19
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกับรายงานปริมาณทองคำคงคลังในลอนดอนที่ลดลง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายทองคำ OTC (Over-the-counter) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เกิดคำถามว่าลอนดอนจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้หรือไม่
ภาษีสหรัฐฯ ตัวแปรสำคัญ
สภาทองคำโลกอธิบายว่า สาเหตุหลักของการเคลื่อนไหวนี้มาจากความกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าทองคำ แม้ว่าทองคำจะไม่ได้เป็นเป้าหมายโดยตรง แต่ผู้ค้าทองคำหลายรายก็เลือกที่จะเคลื่อนย้ายทองคำไปยังสหรัฐฯ ล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต
“ภายใต้สภาวะตลาดปกติ ลอนดอนยังเป็นแหล่งที่สามารถส่งทองคำไปยังสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็ว” บทวิเคราะห์ระบุ “อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อขายทองคำหลายรายได้เลือกที่จะเตรียมการล่วงหน้าเพื่อรับกับความเสี่ยงจากมาตรการภาษีศุลกากร”
ลอนดอนยังไหว?
สำหรับประเด็นปริมาณทองคำคงคลังในลอนดอนที่ลดลง สภาทองคำโลกยอมรับว่ามีการลดลงจริง แต่ไม่มากอย่างที่หลายคนกังวล โดย ณ วันที่ 31 มกราคม 2568 ปริมาณทองคำคงคลังที่รายงานโดยสมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอน (LBMA) อยู่ที่ประมาณ 8,500 ตัน
อย่างไรก็ตาม สภาทองคำโลกชี้แจงว่า ในจำนวนนี้ ประมาณ 5,200 ตัน ถูกเก็บไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (Bank of England: BoE) ซึ่งมีรูปแบบการดำเนินงานที่แตกต่างจากคลังเก็บทองคำเชิงพาณิชย์อื่น ๆ ทำให้ระยะเวลารอคอยนานขึ้น และอาจทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีภาวะขาดแคลนทองคำ แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจเป็นเพียงปัญหาด้านกระบวนการจัดส่ง
อุปทานทองคำทั่วโลกยังแข็งแกร่ง
สภาทองคำโลกย้ำว่า แหล่งที่มาของอุปทานทองคำมีความหลากหลาย ทั้งจากการผลิตเหมืองแร่และการรีไซเคิล ซึ่งกระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ตลาดสามารถปรับตัวกลับสู่ภาวะปกติได้
ข้อมูลการค้าจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า ทองคำที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งมาจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอาจมีต้นกำเนิดจากสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ ยังมีแหล่งที่มาจากแคนาดา ละตินอเมริกา ออสเตรเลีย ฮ่องกง และการผลิตภายในประเทศ
สภาทองคำโลก ชี้ สัญญาณบวกเริ่มปรากฏ
สภาทองคำโลก เปิดเผยว่า เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เช่น อัตราการสะสมเพิ่มขึ้นของปริมาณทองคำคงคลังในตลาด COMEX ชะลอตัวลง ส่วนต่างระหว่างราคาทองคำที่ซื้อขายล่วงหน้าและราคาทองคำที่ซื้อขายในตลาดปัจจุบันปรับลดลง และส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ-เสนอขาย (Bid-Ask Spread) ของกองทุน ETF ทองคำยังคงอยู่ในระดับที่ดี นอกจากนี้ อัตราค่าเช่าทองคำ (Lease Rate) ก็เริ่มลดความร้อนแรงลง
บทสรุป: ตลาดทองคำยังคงแข็งแกร่ง
สภาทองคำโลกสรุปว่า แม้ว่าทองคำจะไม่ได้เป็นเป้าหมายโดยตรงของมาตรการภาษีศุลกากร แต่ปฏิกิริยาของตลาดต่อความไม่แน่นอนทางการค้าได้ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไป และส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้เป็นเพียงการปรับตัวระยะสั้น และตลาดทองคำที่แข็งแกร่งและมีสภาพคล่องจะสามารถดูดซับผลกระทบเหล่านี้ได้
“เมื่อปริมาณคำขอถอนทองคำจากธนาคารแห่งประเทศอังกฤษที่ค้างอยู่ลดจำนวนลง และได้รับการจัดการไปอย่างต่อเนื่อง ความผันผวนเหล่านี้ก็น่าจะคลี่คลายลงได้ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์” บทวิเคราะห์ระบุ
สภาทองคำโลกยังเตือนว่า เหตุการณ์นี้อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะเกิดความผิดปกติชั่วคราวในตลาดทองคำ แต่เชื่อมั่นว่าตลาดจะสามารถปรับตัวได้ในที่สุด
#ทองคำ #สภาทองคำโลก #ภาษีสหรัฐ #COMEX #LBMA #ตลาดทองคำ #เศรษฐกิจ #การลงทุน #Gold #WGC #USTariffs
