สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็น “ผู้บุกเบิกเศรษฐกิจใหม่” เตรียมจัดงาน “Thai Startup Day 2025: Pioneer the New Economy” อย่างยิ่งใหญ่ ฉลองครบรอบ 11 ปี พร้อมระดมกูรู ผู้บริหารสตาร์ทอัพระดับแถวหน้า และนักลงทุน ร่วมขับเคลื่อนวงการสตาร์ทอัพไทยสู่เวทีโลก เผยแม้เศรษฐกิจโลกท้าทาย แต่สตาร์ทอัพไทยยังคงแข็งแกร่งและเติบโตได้ต่อเนื่อง
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย หรือ “Thai Startup” ประกาศจัดงานใหญ่ประจำปี “Thai Startup Day 2025: Pioneer the New Economy” เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปีของการก่อตั้งสมาคมฯ งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองวาระสำคัญเท่านั้น แต่ยังเป็นการรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของสตาร์ทอัพไทย และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถก้าวไปแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ ตามปณิธานอันแน่วแน่ของสมาคมที่ว่า “Pioneer the New Economy”
แนวคิด “Pioneer the New Economy” หรือ “ผู้บุกเบิกเศรษฐกิจใหม่” ไม่ได้เป็นเพียงคำขวัญ แต่สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของเหล่าสตาร์ทอัพในการเป็นหัวหอกขับเคลื่อนนวัตกรรม สร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่จะนำพาประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สมาคมฯ เล็งเห็นว่าสตาร์ทอัพคือกลไกหลักในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงานที่มีคุณภาพสูง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว การจัดงานครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการปักธงสำคัญ ที่จะแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและเทคโนโลยีในภูมิภาค ดึงดูดการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะเริ่มต้นธุรกิจและสร้างความเปลี่ยนแปลง
ความท้าทาย โอกาส และการเดินทาง 11 ปีของ Thai Startup
นายธนวิชญ์ ต้นกันยา นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย ได้ให้ทัศนะถึงภาพรวมของวงการสตาร์ทอัพไทยในปัจจุบันว่า แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่สตาร์ทอัพไทยยังคงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่น
“แม้ว่าสตาร์ทอัพไทยในปัจจุบันจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่เรายังเห็นการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยในหลายอุตสาหกรรม ที่สามารถระดมทุนได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและนวัตกรรมของผู้ประกอบการไทยที่สามารถปรับตัวและสร้างโอกาสท่ามกลางความท้าทาย” นายธนวิชญ์ กล่าว
เมื่อมองย้อนกลับไปบนเส้นทางตลอด 11 ปีที่ผ่านมา นายกสมาคมฯ ได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งว่า “ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยได้มุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย ผ่านการผลักดันนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ การสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะให้กับผู้ประกอบการ” โดยภารกิจหลักของสมาคมฯ มุ่งเน้น 3 ด้านสำคัญ หรือ “3M” ได้แก่ Manpower (การสร้างกำลังคนด้านดิจิทัล), Money (การสนับสนุนด้านการเงิน) และ Market (การผลักดันสตาร์ทอัพไทยเข้าสู่ตลาด)
ภายใต้กรอบ ‘Manpower’ สมาคมฯ ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็นสำหรับบุคลากรในสายงานดิจิทัลและเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในด้าน ‘Money’ สมาคมฯ ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างสตาร์ทอัพกับแหล่งเงินทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Venture Capital, Corporate Venture Capital (CVC), Angel Investors และสถาบันการเงิน รวมถึงการให้ข้อมูลและคำปรึกษาด้านการระดมทุน และสำหรับ ‘Market’ สมาคมฯ สนับสนุนการขยายตลาดของสตาร์ทอัพไทย ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการจัดกิจกรรม Business Matching การสร้างเครือข่ายกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ และการส่งเสริมการนำนวัตกรรมของสตาร์ทอัพไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ “ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เราได้เน้นการสร้างฐานข้อมูลสตาร์ทอัพไทยอย่างเป็นระบบผ่านโครงการ Thai Startup Directory และการผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสตาร์ทอัพกับนักลงทุนและบริษัทขนาดใหญ่” นายธนวิชญ์เสริม
นายธนวิชญ์ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดของสตาร์ทอัพต่อระบบนิเวศของตลาดทุนไทย “สตาร์ทอัพเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทุนในอนาคต” ด้วยเหตุนี้ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จึงให้ความสำคัญและสนับสนุนการพัฒนาสตาร์ทอัพไทยอย่างต่อเนื่อง “โครงการ Thai Startup Directory ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะช่วยให้ทุกภาคส่วนเข้าใจและเข้าถึงข้อมูลของสตาร์ทอัพไทยได้อย่างครบถ้วน นำไปสู่การสนับสนุนและลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสตาร์ทอัพลงทะเบียนในระบบแล้วกว่า 500 ราย และเราขอเชิญชวนสตาร์ทอัพไทยทุกรายให้เข้ามาลงทะเบียน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของฐานข้อมูลที่จะช่วยให้คุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น” นายธนวิชญ์กล่าวเพิ่มเติม
ฐานข้อมูล Thai Startup Directory ไม่ได้เป็นเพียงแค่สมุดรายนามสตาร์ทอัพ แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความโปร่งใสและเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทย สำหรับนักลงทุน ข้อมูลนี้จะช่วยในการค้นหาและประเมินศักยภาพของสตาร์ทอัพที่น่าสนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อนในการทำ Due Diligence เบื้องต้น สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ (Corporates) สามารถใช้ Directory ในการมองหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ หรือสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรได้ (Corporate Innovation) ส่วนภาครัฐและหน่วยงานกำหนดนโยบาย สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวิเคราะห์แนวโน้ม วางแผน และออกมาตรการสนับสนุนที่ตรงจุดและตอบโจทย์ความต้องการของสตาร์ทอัพได้อย่างแท้จริง การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นระบบจึงเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ก้าวต่อไป: มุ่งสร้างความร่วมมือ ขยายโอกาส และลดอุปสรรค
สำหรับทิศทางในอนาคตของสมาคมฯ นายธนวิชญ์ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงแผนงานว่า “สมาคมจะมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับสมาชิก พร้อมทั้งผลักดันนโยบายที่จะช่วยลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของสตาร์ทอัพไทย เพื่อเชื่อมโยงสตาร์ทอัพกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ” แผนงานดังกล่าวสะท้อนความมุ่งมั่นที่จะยกระดับสตาร์ทอัพไทยให้ก้าวไปอีกขั้น สามารถเข้าถึงแหล่งทุนที่หลากหลาย และขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดด
ไฮไลท์งาน Thai Startup Day 2025: เวทีแห่งความรู้และแรงบันดาลใจ
งาน Thai Startup Day 2025: Pioneer the New Economy ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของสมาคมฯ แต่ยังเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายอุตสาหกรรม ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับฟังการแบ่งปันจากผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของวงการ อาทิ:
- นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์, ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ และ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไลฟ์ฟินคอร์ป จำกัด
- นายจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)
- ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)
- นายปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA)
- นางสาวไปยดา หาญชัยสุขสกุล ผู้จัดการกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund)
- นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Founder & Group CEO Bitkub Capital Group Holdings Co., Ltd.
- นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai
และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิอีกมากมาย ที่จะมาร่วมสร้างความเข้าใจเชิงลึกในหลากหลายแง่มุมที่คนทำสตาร์ทอัพต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อที่น่าสนใจอย่าง ‘New Generation of Thai Startup’ ที่จะฉายภาพอนาคตและคลื่นลูกใหม่ของวงการ, ‘Thai Startup to Global’ ที่จะให้แนวทางและกลยุทธ์ในการนำพาธุรกิจไทยไปสู่ตลาดโลก, และ ‘The Way of Unicorn’ ที่จะถอดรหัสความสำเร็จของสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น เนื้อหาเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อจุดประกายแนวคิด สร้างแรงบันดาลใจ และมอบเครื่องมือที่จำเป็นให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจในแวดวงสตาร์ทอัพเป็นอย่างมาก
การรวมตัวของวิทยากรระดับแม่เหล็กเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งของทุกภาคส่วนในอีโคซิสเต็ม ตั้งแต่หน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลและส่งเสริมตลาดทุนอย่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างช่องทางการระดมทุนให้กับสตาร์ทอัพในระยะเติบโต ไปจนถึงกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ที่สนับสนุนด้านเงินทุนในการพัฒนาโครงการสำคัญๆ เพื่อสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ
ขณะเดียวกัน หน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทโดยตรงในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรมอย่าง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) รวมถึงกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) ก็มาร่วมให้ความรู้และแนวทางการสนับสนุนต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการในการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรและการสนับสนุนจากภาครัฐ
นอกจากนี้ การได้ฟังประสบการณ์ตรงจากผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จอย่างเช่น นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา แห่ง Bitkub Capital Group Holdings ผู้บุกเบิกวงการสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย และนายยอด ชินสุภัคกุล จาก LINE MAN Wongnai แพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์ชั้นนำ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและให้บทเรียนที่ล้ำค่าแก่สตาร์ทอัพรุ่นน้อง โดยเฉพาะในหัวข้อ ‘The Way of Unicorn’ ที่จะเจาะลึกเส้นทางการสร้างธุรกิจมูลค่าพันล้านเหรียญ ย่อมเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง
เชิดชูเกียรติ: รางวัลแห่งความสำเร็จและความมุ่งมั่น
ภายในงานยังมีการจัดพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติเพื่อเชิดชูความสำเร็จและความมุ่งมั่นของเหล่าสตาร์ทอัพไทยที่เป็นผู้บุกเบิกและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับอุตสาหกรรม ได้แก่:
- รางวัล “The Pioneer Legacy Award”: รางวัลสำหรับสตาร์ทอัพไทยที่เป็นผู้บุกเบิกและประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในวงการ โดยในปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลจำนวน 5 ราย ได้แก่ บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ซิปอีเว้นท์ จำกัด, บริษัท สกิลเลน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน), บริษัท ลีฟวิ่ง โมบาย จำกัด และ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด ซึ่งแต่ละบริษัทล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมของตนเอง
- รางวัล “One Million Club 2025”: มอบให้กับสตาร์ทอัพที่มียอดผู้ใช้งาน (users) ทะลุ 1,000,000 รายภายในปีนี้ สะท้อนถึงการเติบโตและการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง
- รางวัล “Startup Survivor Club 2025”: เป็นรางวัลเชิดชูเกียรติสำหรับสตาร์ทอัพที่มีความมุ่งมั่นอดทน สามารถดำเนินธุรกิจและฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาได้ยาวนานกว่า 10 ปี และยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งจนประสบความสำเร็จในปัจจุบัน
การมอบรางวัลเหล่านี้มีความหมายมากกว่าเพียงการประกาศเกียรติคุณ แต่เป็นการสร้าง ‘Role Model’ หรือแบบอย่างของความสำเร็จให้กับวงการสตาร์ทอัพไทย รางวัล ‘The Pioneer Legacy Award’ ยกย่องผู้ที่กล้าคิด กล้าทำ และเป็นผู้กรุยทางในธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของความเป็นผู้ประกอบการ รางวัล ‘One Million Club 2025’ ตอกย้ำความสำคัญของการสร้างฐานผู้ใช้งานและการเติบโต (Scalability) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนมองหา และรางวัล ‘Startup Survivor Club 2025’ ให้ความสำคัญกับความทรหดอดทน (Resilience) และความสามารถในการปรับตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว การยกย่องความสำเร็จในมิติต่างๆ เหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอย่างรอบด้านในอีโคซิสเต็ม
ความท้าทายและหนทางข้างหน้าของสตาร์ทอัพไทย
แม้ว่าภาพรวมของสตาร์ทอัพไทยจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโต แต่ก็ยังคงมีความท้าทายหลายประการที่ต้องร่วมกันแก้ไข นอกเหนือจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนแล้ว สตาร์ทอัพไทยจำนวนไม่น้อยยังประสบปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระยะเริ่มต้น (Seed Stage) และระยะเติบโต (Growth Stage) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เรียกว่า ‘Series A Crunch’ ที่หลายรายไม่สามารถระดมทุนต่อได้ นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะสูงด้านเทคโนโลยี (Tech Talent) รวมถึงความซับซ้อนของกฎระเบียบและข้อกฎหมายบางประการ ยังเป็นอุปสรรคที่ทำให้การเติบโตไม่คล่องตัวเท่าที่ควร
สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้และได้พยายามผลักดันนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยลดอุปสรรคดังกล่าว การสร้างความร่วมมือกับภาครัฐในการปรับปรุงกฎหมายให้เอื้อต่อการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ การส่งเสริมการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ถือเป็นภารกิจสำคัญที่สมาคมฯ ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง การจัดงาน Thai Startup Day 2025 ก็เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการระดมสมองและสร้างความร่วมมือเพื่อก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ไปด้วยกัน
โอกาสสร้างเครือข่ายและติดตามข้อมูล
นอกเหนือจากองค์ความรู้และพิธีมอบรางวัลแล้ว งาน Thai Startup Day 2025 ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ผ่านกิจกรรม Networking ที่ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้ที่อยู่ในอีโคซิสเต็มของสตาร์ทอัพ นับเป็นโอกาสอันดีในการขยายคอนเนคชันและแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ
สำหรับผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการสารานุกรมธุรกิจสตาร์ทอัพ (Thai Startup Directory) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสำคัญของวงการสตาร์ทอัพไทย รวมถึงข่าวสารกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ https://data.thaistartup.org/ และ Facebook Page: www.facebook.com/thaistartupofficial
โดยสรุป งาน “Thai Startup Day 2025: Pioneer the New Economy” ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอด 11 ปีของสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนวงการสตาร์ทอัพไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน การรวมพลังของผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน และผู้ประกอบการในครั้งนี้ คาดว่าจะสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ให้กับสตาร์ทอัพไทยในการเป็น “ผู้บุกเบิกเศรษฐกิจใหม่” ที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความมั่งคั่งในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง
#ThaiStartupDay2025 #PioneerTheNewEconomy #ThaiStartup #สตาร์ทอัพไทย #เศรษฐกิจใหม่ #CMDF #นวัตกรรม #Ecosystem #สตาร์ทอัพ #TechStartup