นาเดีย โอมาร์ ซีอีโอ AirAsia MOVE เผยวิสัยทัศน์เชิงลึกในการทรานส์ฟอร์มสู่ Online Travel Agent (OTA) ชั้นนำของอาเซียน ชูสโลแกน “Travel More for Less” เจาะตลาดนักเดินทางงบประหยัด พร้อมกลยุทธ์มัดใจผู้ใช้ชาวไทยและขยายฐานสู่ระดับภูมิภาคอย่างแข็งแกร่ง
กรุงเทพ, ประเทศไทย – ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดของตลาดท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent – OTA) AirAsia MOVE ภายใต้การนำของนางนาเดีย โอมาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งสำคัญด้วยการประกาศทิศทางและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำแพลตฟอร์มการจองการเดินทางในภูมิภาคอาเซียน การเปิดตัวแท็กไลน์ใหม่ “Travel More for Less” หรือ “เดินทางมากขึ้น ในราคาที่คุ้มค่า” พร้อมกับการเผยโฉมลวดลายเครื่องบินพิเศษ ไม่เพียงเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มีต่อตลาดประเทศไทยในฐานะตลาดหลัก แต่ยังเป็นการสะท้อนภาพอนาคตที่ MOVE ต้องการมอบประสบการณ์การเดินทางที่เข้าถึงง่าย คุ้มค่า และเปิดกว้างสำหรับนักเดินทางทุกคน
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษ นางนาเดีย โอมาร์ ได้ฉายภาพถึงเบื้องหลังแนวคิดและกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อน MOVE นับตั้งแต่การรีแบรนด์จาก AirAsia Superapp เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 “MOVE ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ แต่มันคือการเปลี่ยนแนวคิด” นางนาเดียกล่าว “วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นแพลตฟอร์มท่องเที่ยวที่คนรักมากที่สุด ราคาเข้าถึงง่าย และมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เราจึงมาคิดต่อว่าความหมายของมันคืออะไร? นั่นหมายความว่า เราอยากให้คนที่ไม่เคยเดินทางได้เริ่มเดินทาง และคนที่เดินทางอยู่แล้ว ก็เดินทางได้บ่อยขึ้นไปอีกค่ะ” นี่คือจุดเริ่มต้นของสโลแกน “Travel More for Less” ซึ่งนางนาเดียอธิบายว่า “หน้าที่ของเราคือทำให้การเดินทางถูกลง เพื่อให้ทุกคนเดินทางได้บ่อยขึ้น”
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ MOVE ในฐานะ OTA นั้นเห็นได้ชัดจากตัวเลขที่น่าประทับใจ โดยยอดจองเที่ยวบินที่ไม่ใช่ของแอร์เอเชีย (Non-AirAsia flights) เพิ่มขึ้นถึง 64% ขณะที่ยอดจองโรงแรมก็เติบโตขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการขยายฐานผู้ใช้งานและพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งนางนาเดียให้ข้อมูลว่าปัจจุบัน MOVE มีเที่ยวบินจากสายการบินพันธมิตรกว่า 700 แห่งทั่วโลก และโรงแรมมากกว่าหนึ่งล้านแห่งในเครือข่าย
เมื่อถูกถามถึงกลุ่มเป้าหมายหลักของ MOVE นางนาเดียเน้นย้ำว่า “เรามุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้างบน้อย (Budget class) เท่านั้น และมุ่งเน้นไปที่การทำให้การเดินทางถูกลง” แตกต่างจาก OTA รายใหญ่อื่นๆ ที่อาจพยายามตอบสนองลูกค้าทุกกลุ่ม “การท่องเที่ยวแบบประหยัด (Budget travel) จะต่างจากกลุ่มที่เดินทางบ่อย (Frequent flyers) เล็กน้อย กลุ่มที่เดินทางบ่อยมักเป็นผู้ที่มีกำลังซื้อสูงและเดินทางเป็นประจำอยู่แล้ว แต่นักท่องเที่ยวแบบประหยัดอาจจะเดินทางปีละครั้ง พวกเขาจะวางแผนและเก็บเงินสำหรับทริปนั้นโดยเฉพาะ” นางนาเดียอธิบาย
“เรากำลังมองไปที่กลุ่มคนชั้นกลาง, คนชั้นกลางระดับล่าง, นักเรียนนักศึกษา, รวมถึงผู้เกษียณอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้มีงบประมาณไม่จำกัด แต่อยากจะไปพบปะครอบครัว หรือไปเที่ยวเปิดประสบการณ์ในสถานที่ใหม่ๆ”
สำหรับตลาดประเทศไทย ซึ่งนางนาเดียย้ำว่าเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่คึกคักสำหรับนักเดินทางมาโดยตลอด” และเป็นตลาดที่ MOVE ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ปัจจุบันมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มประมาณ 8 ล้านกว่าคน เธอมองว่าคนไทยเองเริ่มลงทุนกับการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดรับกับกลยุทธ์ของ MOVE ที่ต้องการกระตุ้นการเดินทางภายในประเทศ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้คนไทยที่เคยเที่ยวในประเทศแล้วได้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในอาเซียน และไกลออกไปถึงยุโรปหรือตะวันออกกลาง “ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์การเดินทางแล้ว เราก็อยากจะพาคุณไปให้ไกลขึ้นอีกค่ะ” นางนาเดียกล่าว
เมื่อพูดถึงจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทย นางนาเดียชี้ไปที่ “ญี่ปุ่น” โดยระบุว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่อาจไม่เอื้ออำนวยนัก “ฉันคิดว่าเงินเยนของญี่ปุ่นค่อนข้างถูกลง และมีเที่ยวบินเชื่อมต่อมากขึ้น ถ้าคุณวางแผนล่วงหน้าสัก 6 เดือน ตั๋วเครื่องบินก็จะไม่แพงมาก นี่แหละค่ะคือนิสัยของนักท่องเที่ยวแบบประหยัด พวกเขาจะประหยัดเงินด้วยการจองตั๋วล่วงหน้าตอนที่ตั๋วยังถูกอยู่ค่ะ” ซีอีโอ AirAsia MOVE กล่าว
ในด้านประสบการณ์ผู้ใช้งาน MOVE ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การจองเที่ยวบินที่สะดวกยิ่งขึ้น การสนทนาผ่านแชตบอทที่แม่นยำขึ้น ระบบเข้าสู่ระบบด้วยไบโอเมตริกซ์ (Passkey) รวมถึงฟีเจอร์ Easy Cancel และ ValuePack สำหรับการเดินทางในภูมิภาค นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษเมื่อจองผ่าน MOVE เช่น ส่วนลดค่าบริการเสริมของแอร์เอเชียสูงสุด 15% (เช่น สัมภาระ อาหารบนเครื่อง) ส่วนลดค่าจองโรงแรม 230 บาท การสะสมคะแนน AirAsia points และการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจองสำหรับเที่ยวบินตรงของไทยแอร์เอเชีย (FD) ที่จองผ่าน MOVE ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2568
นางนาเดียยังได้อธิบายถึงที่มาของชื่อ “MOVE” ว่า “มาจากคำว่า ‘Movement’ หรือการขับเคลื่อนค่ะ คือเราอยากให้การเดินทางมันขับเคลื่อนไปได้ไกลขึ้น บ่อยขึ้น และเราก็ชอบคำว่า MOVE เพราะไม่ว่าจะเป็นการบินหรือการเดินทางไปที่ต่างๆ มันก็คือการ ‘เคลื่อนที่’ (Movement) และเรารู้สึกว่ามนุษย์เราเกิดมาเพื่อเดินทาง (Move) คำนี้เลยมีความหมายพิเศษกับเรามากค่ะ” ส่วนการเลือกใช้สีเขียวในอัตลักษณ์ของแบรนด์นั้น เธอกล่าวว่าเป็นสีที่สะท้อนถึงธรรมชาติ สิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และเป็นสีที่ยังไม่มี OTA รายใดใช้ ซึ่งสร้างความแตกต่างให้กับ MOVE
เมื่อถูกถามถึงผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจต่อพฤติกรรมการเดินทางของคนไทย นางนาเดียมองว่าอาจไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางในประเทศมากนัก เพราะประเทศไทยมีประชากรไทยถึง 70 ล้านคน ซึ่งยังคงเป็นฐานสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เธอสังเกตเห็นว่า “ทริปการเดินทางสั้นลง และรูปแบบการเดินทางก็หลากหลายขึ้น อาจจะเป็นการนั่งเครื่องบินไปที่ไหนสักแห่งแล้วพักโรงแรม แต่การท่องเที่ยวในระยะใกล้ๆ แบบขับรถไปพักผ่อน (Staycation) ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน”
สำหรับกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย MOVE มีแคมเปญที่น่าสนใจอย่างโปรโมชั่นเลขเบิ้ลรายเดือน เช่น 6.6, 7.7 ซึ่งพันธมิตรทุกรายทั้งสายการบิน โรงแรม และร้านค้าปลอดภาษีจะร่วมกันมอบส่วนลดและข้อเสนอพิเศษ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจและเปิดโอกาสให้ผู้ที่อาจมีงบจำกัดสามารถวางแผนการเดินทางได้
ประเด็นเรื่องสังคมผู้สูงอายุก็เป็นสิ่งที่ MOVE ให้ความสนใจ นางนาเดียมองว่ากลุ่มผู้สูงวัยเป็นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโต “ตอนนี้อาจจะยังเห็นไม่ชัดเจนนัก แต่เรารู้สึกว่ากลุ่มผู้สูงอายุจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในส่วนนี้ค่ะ” เธอกล่าวเสริมว่าการรวมแพ็กเกจเที่ยวบินและโรงแรม (Bundle) โดยเฉพาะเส้นทางยอดนิยมอย่างเกาหลีและญี่ปุ่น ได้รับการตอบรับดีมากจากนักท่องเที่ยวในอาเซียนที่มองหาความคุ้มค่า
ท้ายที่สุด นางนาเดียได้แสดงความชื่นชมต่อกลยุทธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเฉพาะการส่งเสริม “Hidden Gems” หรือเมืองรอง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ MOVE ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางที่หลากหลายและสร้างประสบการณ์ที่แท้จริงให้กับนักท่องเที่ยว “พันธกิจของ MOVE ชัดเจนค่ะ คือการทำให้การเดินทางไม่เพียงแค่เข้าถึงง่ายและราคาจับต้องได้เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความสนุกและน่าประทับใจในทุกขั้นตอน” นางนาเดียกล่าวสรุป “และด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย MOVE พร้อมก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มการเดินทางอันดับหนึ่งสำหรับนักเดินทางผู้รักความคุ้มค่าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน”
#AirAsiaMOVE #MOVE #นาเดียโอมาร์ #TravelMoreForLess #ท่องเที่ยว #OTA #สัมภาษณ์ผู้บริหาร #เศรษฐกิจท่องเที่ยว #กลยุทธ์ธุรกิจ #แอปจองตั๋ว #เที่ยวไทย #อาเซียน #โปรโมชั่น #ท่องเที่ยวสุดคุ้ม #การบิน #โรงแรม