Uber (อูเบอร์) ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 เร่งเดินหน้าสร้างความเข้าใจนวัตกรรม Rider Sharing ในไทย พร้อมตั้งทีมผู้จัดการประเทศไทยคนใหม่เป็นคนไทย ประสานรอยแยกระหว่างนวัตกรรมใหม่และวิถีชีวิตการเดินทางแบบเดิม เชื่อมั่นจะนำพาการขนส่งรูปแบบใหม่เป็นทางเลือกให้เกิดคุณภาพการเดินทางที่ดีขึ้นได้ในไทย ชูฟีเจอร์ความปลอดภัยและการตอบแทนสังคม พร้อมสร้างอาชีพและรายได้ให้ผู้ร่วมขับอย่างมั่นคงต่อไป
นางสาวศิริภา จึงสวัสดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย Uber กล่าวว่า Uber มีความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ในขณะที่การใช้สมาร์ทโฟนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับความต้องการการเดินทางที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ที่เพิ่มขึ้น ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตที่สูงขึ้นของทั้งจำนวนผู้ใช้บริการและพาร์ทเนอร์ของ Uber รวมไปถึงความต้องการเรียกร้องให้มีการเปิดบริการร่วมเดินทางในจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย
“ในปีนี้ เรามุ่งเน้นด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การสร้างทีมงาน และการทำงานเป็นพันธมิตรทั้งกับภาครัฐและเอกชนให้แข็งแกร่งมากขึ้น เรายังคงพัฒนาแอพพลิเคชั่นและเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อประสบการณ์ของผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ Uberให้ดียิ่งขึ้น เรามีพันธกิจในการหาคนที่มีความสามารถและมีความเข้าใจตลาดประเทศไทยเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันเรายังเดินหน้าสานสัมพันธ์และร่วมเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานต่างๆ และชุมชนต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและการยอมรับถึงประโยชน์ของเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) และบริการการเดินทางในรูปแบบใหม่”
โดยการเข้ามารับตั้งตำแหน่งตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนับเป็นความท้าทายที่จะเข้ามาสร้างความเข้าใจที่ดี ให้กับวิถีชีวิตที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปเมื่อนวัตกรรมเข้ามาช่วยเติมเต็มมากขึ้น ซึ่งอูเบอร์รู้ดีว่านวัตกรรมใหม่ย่อมมีอุปสรรคที่จะต้องทำความเข้าใจกับผู้คนในจำนวนมาก เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ การทำหน้าที่ของอูเบอร์ จึงเน้นที่การสร้างความเข้าใจด้วยพันธกิจทั้ง 3 ส่วนที่จะถูกเน้นในปีนี้
1. นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความผลอดภัยให้กับทั้งผู้ใช้้บริการและผู้ขับขี่ที่มากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมโยงผู้ร่วมขับเข้ากับผู้ใช้บริการได้อย่างดีเยี่ยมยิ่งขึ้น ด้วยฟีเจอร์ทั้งการตรวจสอบสถานะผู้ขับขี่ด้วยการให้เซลฟี่ใบหน้าส่งเข้าศูนย์เพื่อความปลอดภัย ขณะที่ฝั่งผู้ใช้บริการก็สามารถเพิ่มช่องทางการเรียกใช้บริการผ่านไลน์ การให้คะแนนหรือความคิดเห็นกับการใช้บริการ และในส่วนฟีเจอร์การส่งข้อความสั้นผ่านแอปพลิเคชั่นระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ร่วมขับได้อย่างสะดวกมากขึ้น
2. การสร้างทีมงาน ด้วยการให้ความสำคัญของกำลังคนเป็นอย่างมากของอูเบอร์ การพัฒนาทีมงานเพื่อช่วยกันพลิกโฉมการเดินทางรูปแบบใหม่ให้เข้ากับประเทศไทยมากที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ แน่นอนทั้งรูปแบบการประสาน หรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้สามารถแก้ปัญหาได้ในทุกสถานะการณ์จนทำให้เกิด คอลเซ็นเตอร์แห่งใหม่ เพื่อช่วยให้ผู้ร่วมขับ สามารถโทรเข้ามาปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นแบบรายบุคคล เพื่อช่วยให้ผู้ร่วมขับสามารถก้าวข้ามอุปสรรคไปพร้อมกับอูเบอร์ได้อย่างมั่นคง
3. พันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นการเดินหน้าประสานความเข้าใจของนวัตกรรม Rider Sharing ที่จะเข้ามีบทบาทในประเทศไทย เพื่อช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยมีคุณภาพการขนส่งที่ดีพอ แน่นอนว่าการประสานความร่วมมือเพื่อแก้ไขสถานะการณ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ขณะที่การตอบแทนสังคมเพื่อเร่งสร้างความเข้าใจอันดีก็เป็นส่วนที่อูเบอร์ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดอูเบอรื แคมปัส เพื่อสร้างกลุ่มคนสตาร์ทอัพเข้ามาทำโครงการ ด้วยความร่วมมือจากเมนเทอร์ชื่อดังหลากหลายบริษัท, จับมือกับภาครัฐสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยด้วยรูปแบบบริการ UberEats หรือจะเป็นการบริจาคของ UberGiving ที่นับเป็นการตอบแทนสังคมจากสิ่งที่อูเบอร์เข้ามาให้บริการกว่า 3 ปีที่ผ่านมา
Rider Sharing ทิศทางใหม่ของการเดินทางพร้อมสร้างรายได้
ทั้งนี้พาร์ทเนอร์ของ Uberในประเทศไทยนั้นเป็นคนไทยทั้งหมด และที่สำคัญผู้ใช้บริการเดินทางส่วนใหญ่เป็นคนไทย โดยในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติจากทั้งหมด 74 ประเทศทำการเปิดแอปพลิเคชั่นเรียกใช้บริการ Uber เพื่อการเดินทางในประเทศไทย ซึ่งประเทศอับดับต้นที่เข้ามาใช้บริการ ได้แก่ สหรัฐฯ สิงคโปร์ มาเลเซีย สหราชอาณาจักรและจีน ซึ่งปัจจุบันแอปพลิเคชั่น Uber สามารถรองรับการให้บริการถึง 45 ภาษา และก็ได้รับความนิยมจากนักเดินทางเพราะสามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือเงินสดก็ได้ สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นของการใช้บริการที่ปลอดภัย ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวที่มากขึ้น
Uberให้ความสำคัญกับผู้เดินทางด้วยการมุ่งมั่นในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นให้เข้าถึงได้ง่าย สะดวกต่อการใช้งาน เช่น การจับมือเป็นพันธมิตรกับ LINE เพื่อทำให้การเดินทางด้วยUberเข้าถึงง่ายด้วยการเรียกรถได้ผ่านแอปพลิเคชั่น LINE ที่ถือเป็นแอปแชทที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งาน LINE มากกว่า 40 ล้านคนโดยการเรียกรถ Uberผ่านแอป LINE นั้นง่ายมาก เพียงผู้ใช้งานเพิ่ม Uber LINE Official Account เป็นเพื่อนเท่านั้น
ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด (เชื่อมจุดหมายปลายทางกับปฏิทิน) เหมาะกับผู้เดินทาง เช่น ผู้บริหารหรือคนที่ต้องออกไปพบปะลูกค้าเป็นประจำ และเลือก Uberในการเดินทางไปประชุมตามสถานที่ต่างๆ เพราะฟีเจอร์นี้จะเชื่อมต่อระหว่างแอพฯ กับปฏิทินตารางงาน ช่วยให้ผู้เดินทางไม่ต้องใส่จุดหมายปลายทางเมื่อเรียกใช้งานอีกต่อไป หากได้ระบุไว้แล้วในปฏิทินนัดหมาย และเร็วๆ นี้ Uberยังจะเปิดตัวการใช้งานใหม่ๆ ในแอพพลิเคชันเพิ่มเติมที่จะทำให้ทั้งผู้เดินทางและพาร์ทเนอร์ Uberสามารถติดต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของพาร์ทเนอร์ Uberได้มีการเปิดตัวศูนย์บริการตอบรับทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา โดยเปิดให้บริการระหว่างเวลา 09.00-18.00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์
สำหรับด้านความปลอดภัย Uberได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้าไปเช่นกัน อาทิ การตรวจสอบตัวตนแบบเรียลไทม์เพื่อให้ผู้เดินทางมั่นใจได้ว่าบัญชีของพาร์ทเนอร์นั้นไม่ได้มีการใช้บัญชีซ้ำ โดยพาร์ทเนอร์ Uberจะถ่ายภาพตนเองก่อนที่จะเข้าไปในระบบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ที่เป็นเจ้าของบัญชีนั้นเป็นคนเดียวกับผู้ที่จับพวงมาลัยขับขี่ ซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งผู้เดินทางและพาร์ทเนอร์ Uber
“เรายังต้องขอขอบคุณจากใจจริงไปยังบรรดาผู้เดินทางด้วย Uberและพาร์ทเนอร์ Uberในประเทศไทยของเราที่สนับสนุนเรามาตลอดสามปีที่ผ่านมา นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้แก่คนไทย และเราก็ยังจะเดินหน้าที่จะมอบทางเลือกการเดินทางที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ให้กับเมืองต่างๆ เราเชื่อว่ายุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 นั้นจะสามารถลุล่วงได้เมื่อผู้คนสามารถเปิดรับและปรับตัวเข้ากับนวัตกรรมได้มากขึ้น” ผู้จัดการประจำประเทศไทยกล่าว
ติดตามข่าวสารล่าสุดจาก Uberได้ที่ https://www.facebook.com/uberthai หรือเพิ่มบัญชีทางการของ Uber เป็นเพื่อนในแอปพลิเคชั่น LINE ได้ที่ @uberth