ฟิลิปส์ ไขข้อข้องใจไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ Connected Lighting ความท้าทายใหม่ของโลกแสงสว่างที่นอกจากจะช่วยด้านการประหยัดพลังงาน ลดบ้านร้อนแล้ว ยังช่วยจัดการแสงสว่างภายในอย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น เทรนด์นี้จะเป็นอย่างไร แนวโน้มจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ คำตอบเหล่านี้จะไม่ชัดเจนมากพอ หากเราไม่ได้ฟังคำตอบจากผู้นำไฟฟ้าแสงสว่างของโลกอย่าง ฟิลิปส์ ที่จะมาเปิดเผยรายละเอียดตามรยละเอียดด้านล่างนี้อย่างแน่นอน
เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยเทรนด์ของไฟฟ้าแสงสว่างว่า โลกของไฟฟ้าแสงสว่างในปัจจุบัน เป็นยุคที่ทุกคนต่างมุ่งหานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ครบครัน ไม่ว่าจะให้ความสว่าง มีอายุการใช้งานยืนนาน
และในขณะเดียวกันก็ประหยัดพลังงานด้วยสร้างนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่าง LED ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการไฟฟ้าแสงสว่างทั่วโลก ถูกพัฒนาขึ้นให้เป็นมากกว่าแสงและให้มีความชาญฉลาดนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะหรือ Connected Lighting เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงพื้นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ร้านค้า และถนนหนทางทั่วโลกให้ก้าวเข้าสู่ระบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ
พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีแสงสว่างเริ่มเปลี่ยนแปลง จากเดิมผู้บริโภคจะใช้โคมไฟ Downlight และหลอดใส่เข้ากับโคม และ มีแนวโน้มที่กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นเปลี่ยนจากหลอดประหยัด/ หรือ หลอด conventional มาเป็นหลอด LED Bulb และ ต่อไปจะเปลี่ยนเป็น โคมไฟสำเร็จ ที่ประกอบด้วยทั้งหลอดและโคม
จากเทรนด์ที่เปลี่ยนไปทำให้ร้านค้าที่ขายอุปกรณ์แสงสว่างต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง เพราะช่วงระยะเวลาในการเปลี่ยนไฟจะยาวขึ้น และเหตุผลที่ผู้บริโภคเปลี่ยนไฟจะเปลี่ยนมาเป็นเพราะเปลี่ยนเพราะฟังก์ชั้นชั่นที่เพิ่มขึ้นของหลอดไฟ
อย่างไรก็ตามสำหรับหลอดไฟLED เรามีเปิดตัวใหม่ หลอด LED Bulb รุ่นใหม่ ที่มาให้เลือกสรรในหลายรุ่น ได้แก่ หลอด LED bulb (หลอดแอลอีดีบัล์บ) หลอด LED Bulb Dimmable (หลอดแอลอีดีบัล์บ แบบปรับหรี่แสงได้) หลอดแอลอีดี SceneSwitch (หลอดแอลอีดีซีนสวิสซ์ – เพียง”ปิดและเปิด”สวิตซ์ไฟตัวเดิมเพียงเท่านี้ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศในห้องอย่างง่ายดาย!) หลอดLED Globe (หลอดไฟดีไซน์ใหม่ช่วยตกแต่งห้องคุณให้สวยงาม)
หลอด High lumen LED Bulb – ให้ความสว่างเป็นพิเศษยิ่งขึ้น! หลอด LED Filament (หลอดแอลอีดี ฟิลาเม้นต์-มาพร้อมฟังก์ชั่นปรับหรี่แสงพร้อมเพิ่มบรรยากาศพิเศษด้วยเฉดสี 2000K) และหลอด Master LED Candle (มาสเตอร์แอลอีดีแคนเดิล- ช่วยเติมเต็มบรรยากาศให้กับบ้านคุณด้วยเทคโนโลยีที่ยิ่งปรับหรี่แสง ยิ่งได้บรรยากาศแสนพิเศษ!)
หลอด Ecofit LED Tube (อีโคฟิตแออีดีทิวบ์) คุ้มค่าทุกการใช้งาน ทดแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์เดิมอย่างง่ายดาย และหลอด Master LED Tube (มาสเตอร์แอลอีดีทิวบ์) หนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดของฟิลิปส์ทั้งในด้านคุณภาพและอายุการใช้งาน
ขณะที่ด้านผู้ประกอบการ Connected Lighting จะนำการใช้ telecommunication มาเกี่ยวข้องกับ Lighting มากขึ้น ดังนั้นจึงต้องนำเสนอการสร้าง value ให้กับ end-user ทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงาน และลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว และสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับแสง พร้อมช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถประหยัดพลังงานได้มากถึง 80% เมื่อเทียบกับการใช้หลอดไฟแบบเดิม สามารถติดตามผล และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อีกด้วย
IoT ในไฟฟ้าแสงสว่าง
IoT และ Big Data เป็นเทรนด์ที่มีการพูดถึงกันมากเป็นพิเศษในระยะหลังมานี้ เนื่องมาจากการผสมผสานของเทคโนโลยีดังกล่าวทำให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจมากมาย
โอกาสทางธุรกิจที่จะมีอย่างต่อเนื่องจากการพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่เพื่อการใช้งานใหม่ๆ ดังนั้นการจัดการข้อมูลให้เกิดประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญหลักในการควบคุมและใช้งาน Internet of Things ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในยุค Internet of Things (IoTs) ที่อุปกรณ์สื่อสารรวมไปถึงอุปกรณ์ที่ให้ความสว่างสารพัดชนิด สามารถเชื่อมโยงและสื่อสารกันได้ภายใต้เครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยที่ผู้คนสามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ด้วยการสั่งการเพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Device) เราจึงเริ่มมองเห็นแนวโน้มที่ผู้ประกอบการต่างๆจะเริ่มให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมแสงสว่างมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจมากขึ้น ในขณะเดียวกันทางผู้ผลิตก็ได้พัฒนาสินค้าและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะ หรือ Connected Lighting เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงพื้นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ร้านค้า และถนนหนทางทั้งหลายทั่วโลกให้ก้าวเข้าสู่ระบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง Connected Lighting นั้นสามารถยกระดับชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย การลดใช้พลังงาน และลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งจุดเด่นของ Connected Lighting คือการที่ช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบเดิม นอกจากนั้นยังสามารถติดตามผลและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อีกด้วย
Connected Lighting ของ Philips
ระบบ Philips CityTouch สำหรับโคมไฟถนน
เป็นระบบการควบคุมไฟถนนอัจฉริยะที่ได้เชื่อมต่อเข้ากับโคมไฟถนน LED ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งจุดเด่นของระบบนี้คือสามารถมอนิเตอร์ไฟถนนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ได้ โดยที่ห้องควบคุมจะเห็นเป็นแผนที่เมื่อมีไฟดวงใดดวงหนึ่งเสีย ทำให้เราสามารถทราบตำแหน่งที่ตั้งของไฟที่เสียได้ทันทีและเมื่อไฟได้ถูกเปลี่ยนหรือซ่อมแล้ว จุดสีแดงที่หน้าจอจะหายไป จากเดิมที่เจ้าหน้าที่จะต้องออกไปสำรวจว่ามีโคมไฟเสียหรือไม่ หรือมีคนแจ้งเข้าว่าสถานที่นี้มีโคมเสีย
นอกจากที่ตัวโคมไฟ LED จะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ระบบนี้ยังช่วยเจ้าหน้าที่ในการทำงาน ดูแลโคมไฟถนน เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนมาก
ปัจจุบัน ระบบ CityTouch ได้มีการใช้ใน 700 โครงการใน 35 ประเทศทั่วโลก รวมถึงลอสแองเจอลิส ในสหรัฐอเมริกา ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมืองโตรอนโต้ ประเทศแคนนาดา และเมืองจากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย
เทคโนโลยี Power-over-Ethernet (PoE) สำหรับอาคารสำนักงาน
ฟิลิปส์ได้นำเสนอระบบแสงสว่างสำหรับอาคารสำนักงานผ่านระบบ Power-over-Ethernet (PoE) ที่ทำให้พนักงานสามารถควบคุมระบบแสงสว่างในออฟฟิศของตัวเองผ่านสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งจะทำให้ผู้จัดอาคารมีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานภายในอาคาร ซึ่งระบบนี้จะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์เพื่อปรับระดับการใช้พลังงานภายในอาคารให้สมดุลกับจำนวนคน เพื่อประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีการติดตั้งจริงแล้วในอาคาร Deloitte ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์
Philips indoor positioning
เป็นเทคโนโลยีในระบบไฟฟ้าแสงสว่างที่แสดงผลการค้นหาตำแหน่งที่มีความแม่นยำสูงมาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคส่วนต่างๆ ดังนี้
ธุรกิจค้าปลีก: ช่วยสร้างเสริมประสบการณ์การซื้อสินค้า โดยลูกค้าสามารถค้นหาตำแหน่งที่ตั้งที่ชัดเจนของสินค้า รวมถึงเช็คโปรโมชั่นภายในร้าน ซึ่งติตดั้งจริงแล้วในห้าง Carrefour ที่ประเทศฝรั่งเศส
โรงพยาบาล: ช่วยบอกเส้นทางให้กับคนไข้ ทำให้ไม่เสียเวลาในการเดินหาห้องตรวจ สามารถพบแพทย์ได้ทันเวลา และลดความเครียดที่อาจเกิดขึ้นได้
ธุรกิจอื่นๆ: เมื่อมีการจัดเก็บและค้นหาที่แม่นยำมากขึ้น พนักงานคลังสินค้าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้จากเดิมหลอดไฟ หรือโคมไฟ โดยการใช้งานปกติ จะไม่ได้มีการเชื่อมต่อกัน และการควบคุมจะเป็นเพียงการเปิด-เปิดหรือหรี่ไฟเท่านั้น แต่เมื่อมี IoT ทำให้แต่จะ จุด light point สามารถเชื่อมต่อกันและใช้ประโยชน์กันได้มากกว่าเพียงแค่ให้แสงสว่าง
ขณะที่ด้านการตลาดฟิลิปส์มองว่า กลุ่มเป้าหมายของเทรนด์นี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่สนใจในการนำเทคโนโลยีแสงสว่าง ไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ เป็นผู้ที่มองเห็นประโยชน์ของประสิทธิภาพ โดยสามารถตั้งงบประมาณได้ตามความต้องการของลูกค้า
ซึ่งโลกของไฟฟ้าแสงสว่างในปัจจุบัน เป็นยุคที่ทุกคนต่างมุ่งหานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ครบครัน ไม่ว่าจะให้ความสว่าง มีอายุการใช้งานยืนนาน และในขณะเดียวกันก็ประหยัดพลังงานด้วยสร้างนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่าง LED ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการไฟฟ้าแสงสว่างทั่วโลก ถูกพัฒนาขึ้นให้เป็นมากกว่าแสงและให้มีความชาญฉลาด
นวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างอัจฉริยะหรือ Connected Lighting จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงพื้นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ร้านค้า และถนนหนทางทั่วโลกให้ก้าวเข้าสู่ระบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ