Grab (แกร็บ) บริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉลองครบรอบ 5 ปี เดินหน้าสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐ ด้วยการผลักดันนวัตกรรมด้านการขนส่งและการชำระเงินเพื่อยกระดับวิถีชีวิตชาวไทย มุ่งนำเสนอแนวคิดเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยการขยายพื้นที่ให้บริการไปยัง 2 จังหวัดใหม่ในภาคอีสาน
ได้แก่ นครราชสีมา และอุดรธานี พร้อมเปิดตัวบริการล่าสุด “จัสท์แกร็บ (JustGrab)” ครั้งแรกในไทย และประกาศความร่วมมือล่าสุดกับการเรียกรถออล ไทย แท็กซี่ รวมถึงรถสองแถวแดงในจังหวัดเชียงใหม่ผ่านแอพลิเคชั่นแกร็บ
ในโอกาสครบรอบ 5 ปี แกร็บเผยแพร่รายงาน ‘Moving SEA Together’ ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลที่บ่งบอกถึงการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงผลบวกจากการมอบบริการที่ยกระดับวิถีชีวิตของผู้คนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่นแกร็บมียอดดาวน์โหลดแอพฯ มากกว่า 45 ล้านดาวน์โหลด ก้าวกระโดดจากเดือนมิถุนายนปีที่แล้วถึง 3 เท่าตัว มีผู้ขับขี่ในเครือข่ายกว่า 930,000 คนที่ร่วมกันรับส่งผู้โดยสารกว่า 2.5 ล้านเที่ยวต่อวัน ใน 7 ประเทศ
สำหรับในประเทศไทย แกร็บคือแพลตฟอร์มการเรียกรถที่ได้ช่วยให้สมาชิกพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ชาวไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19 เมื่อเทียบจากอัตราค่าแรงโดยเฉลี่ยของประเทศไทย และยังช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางของผู้โดยสารลงได้ถึงร้อยละ 20 ที่สำคัญที่สุดคือแกร็บได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทุกคนบนท้องถนนเป็นอย่างยิ่ง
ส่งผลให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุของรถในเครือข่ายแกร็บต่ำกว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศถึง 5 เท่า ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้แกร็บมีสมาชิกผู้ขับขี่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยปัจจุบัน จำนวนสมาชิกผู้ขับขี่ของแกร็บในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องทุกปีถึงร้อยละ 226 นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในประเทศไทยเมื่อปี ค.ศ. 2013
นายยี วี แตง ผู้อำนวยการ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Grab เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อนด้วยความตั้งใจในการรับใช้สังคมผ่านการนำเสนอบริการด้านการเดินทางขนส่งที่ปลอดภัยและสะดวกต่อการใช้งานสำหรับทุกคน เราตั้งใจยกระดับคุณภาพชีวิตของพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ในเครือข่ายของเราทุกคน และรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนในการสร้างนิยามใหม่ให้กับแนวคิดการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่นด้วยความหลากหลาย
และครอบคลุมของรูปแบบบริการรถโดยสาร ทั้งรถจักรยานยนต์ รถแท็กซี่ และรถยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน แกร็บ เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ถือกำเนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใหญ่ที่สุด และดำเนินธุรกิจในประเทศไทยโดยจดทะเบียนบริษัทอย่างถูกต้อง เราต้องการสนับสนุนการพัฒนาสังคมและนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล
โดยแกร็บเล็งเห็นว่าความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งจากภายในประเทศและช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่ และสามารถเชื่อมโยงทางธุรกิจกับนานาประเทศของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
แกร็บพร้อมดำเนินธุรกิจเพื่อสนับสนุนแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ผ่านแพลตฟอร์มที่มุ่งยกระดับการขนส่งและการชำระเงินให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัลได้ยิ่งขึ้น
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของแกร็บในการยกระดับวิถีชีวิตด้วยนวัตกรรมการขนส่งและการชำระเงิน
ขยายพื้นที่ให้บริการไปยังจังหวัดใหม่ๆ: เนื่องจากผู้ใช้บริการแอพลิเคชั่นแกร็บจำนวน 1 ใน 5 ใช้บริการต่างๆ ของแกร็บในพื้นที่ให้บริการมากกว่า 1 เมือง แกร็บจึงมุ่งมั่นส่งมอบบริการการขนส่งที่สะดวกสบาย ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสมให้กับทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผ่านแอพลิเคชั่นเดียว ซึ่งใช้งานได้ในทุกพื้นที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แกร็บให้บริการ
โดยตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป แกร็บจะขยายพื้นที่การให้บริการเรียกรถผ่านแอพลิเคชั่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวอีสานในจังหวัดนครราชสีมาและอุดรธานี ทั้งนี้ เมื่อนับรวมกับ 2 จังหวัดใหม่นี้จะทำให้แกร็บมีพื้นที่ให้บริการในประเทศไทยใน 9 จังหวัด เพิ่มขึ้นจาก 5 จังหวัดในปีที่ผ่านมา รวมเป็นทั้งหมด 57 เมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริการจัสท์แกร็บ: ล่าสุด แกร็บ ยังได้ประกาศเปิดตัวบริการ ‘จัสท์แกร็บ’ ครั้งแรกในประเทศไทยที่จังหวัดนครราชสีมา อุดรธานี และอุบลราชธานี โดย ‘จัสท์แกร็บ’ เป็นบริการที่รวบรวมรถแกร็บแท็กซี่และแกร็บคาร์ในการเรียกใช้เพื่อเพิ่มจำนวนของรถที่ให้บริการและตอบรับความต้องการโดยสารรถในเมือง ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารได้รถมารับไวขึ้น
นอกจากนี้ บริการดังกล่าวยังมีการกำหนดค่าโดยสารที่ตายตัว ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารสามารถทราบราคาค่าโดยสารที่โปร่งใสตามโครงสร้างราคาและเวลาที่เรียกรถ ทั้งนี้ แกร็บได้ทดลองให้บริการ ‘จัสท์แกร็บ’ ในประเทศสิงคโปร์เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาและได้รับผลตอบรับอันดีจากผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ ผู้ขับขี่
เนื่องจากเป็นบริการที่ใช้งานได้ง่าย ช่วยย่นระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และช่วยให้ผู้ใช้บริการทราบราคาค่าโดยสารที่ต้องจ่ายอย่างชัดเจนจากแอพลิเคชั่นก่อนจะกดยืนยันการเรียกรถ
ความร่วมมือกับออล ไทย แท็กซี่: เมื่อเร็วๆ นี้ แกร็บ ยังได้ร่วมมือกับออล ไทย แท็กซี่ ในการเพิ่มจำนวนรถที่ให้บริการบนแพลตฟอร์มของแกร็บในกรุงเทพฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น รถแท็กซี่ของออล ไทย แท็กซี่ ได้ช่วยให้ผู้โดยสารที่ใช้แอพพลิเคชั่นแกร็บได้รับบริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้โดยสารยังสามารถเลือกชำระค่าโดยสารผ่านแกร็บเพย์เพื่อความสะดวกในการโดยสารได้อย่างราบรื่นไม่สะดุดได้ เมื่อการพัฒนาระบบเสร็จสมบูรณ์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
Grab นำเสนอบริการใหม่ที่ช่วยให้คนไทยเข้าถึงแนวคิดเศรษฐกิจดิจิทัล
บริการแกร็บไบค์ วิน [GrabBike (Win)]: การใช้แอพลิเคชั่นแกร็บเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเรียกใช้บริการแกร็บไบค์ วิน นั้นช่วยให้สมาชิกผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างมีความรู้ด้านดิจิทัลมากขึ้น และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นับตั้งแต่การเริ่มต้นให้บริการแกร็บไบค์ วิน อย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
เครือข่ายพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในเครือข่ายของแกร็บได้เพิ่มจำนวนขึ้น 2 เท่าภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือน ซึ่งตัวเลขนี้แสดงให้เห็นชัดถึงประโยชน์และข้อดีของการประยุกต์ใช้นวัตกรรมดิจิทัลกับบริการรถจักรยานยนต์รับจ้างได้เป็นอย่างดี
บริการเรียกรถสองแถวแดง แกร็บเรดทรัค (Grab RedTruck): แกร็บได้ผสานนวัตกรรมดิจิทัลเข้ากับบริการรถสองแถวแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดตัวบริการใหม่ล่าสุด ‘แกร็บเรดทรัค’ ภายใต้โครงการพัฒนาเมืองและปฏิวัติการเดินทางขนส่งให้เข้าสู่รูปแบบดิจิทัลมากขึ้น
บริการ ‘แกร็บเรดทรัค’ ถือเป็นโครงการนำร่องบริการเรียกรถแบบออน-ดีมานด์ผ่านแอพลิเคชั่นแกร็บที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ โดยรถสองแถวแดงที่ให้บริการ ‘แกร็บเรดทรัค’ นี้สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 9 คนต่อคัน
นอกจากนี้ บริการที่แกร็บพัฒนาขึ้นแบบเฉพาะตามแต่ละท้องถิ่นเช่นบริการ ‘แกร็บเรดทรัค’ นี้ถือเป็นบริการที่แกร็บตั้งใจจะนำนวัตกรรมการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่นมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังแสดงให้ถึงผลลัพธ์อันดีจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
บริการแกร็บเพย์: แกร็บ ขยายขอบข่ายการให้บริการชำระเงินออนไลน์ ‘แกร็บเพย์’ อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นทางเลือกในการชำระค่าบริการต่างๆ ของแกร็บอย่างสะดวก รวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินสด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่สังคม ไร้เงินสด
ปัจจุบัน บริการ ‘แกร็บเพย์’ ในประเทศไทยสามารถเชื่อมต่อกับระบบการชำระเงินที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบัตรเดบิต บัตรเครดิต รวมถึงระบบอาลีเพย์ นอกจากนี้ ‘แกร็บเพย์’ ยังรองรับการชำระค่าโดยสารบริการใหม่ล่าสุดของแกร็บทั้งหมดซึ่งรวมถึงแกร็บเรดทรัคอีกด้วย