สตาร์ทอัพเฮ!!! สมคิด สะกิด ตลท. ตั้งกองทุนหนุน Seed พร้อมเร่งแก้ไขข้อติดขัด

สตาร์ทอัพเฮ!!! สมคิด สะกิด ตลท. ตั้งกองทุนหนุน Seed พร้อมเร่งแก้ไขข้อติดขัด

รองนายกรัฐมนตรี สั่งการตลาดหลักทรัพย์หลัง CVC มียอดลงทุนสตาร์ทอัพไทยต่ำ เร่งหาทางโยกเงินกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน หรือ CMDF ตั้งกองทุน ‘แองเจิล ฟันด์’ เพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะสตาร์ทอัพตั้งแต่ระดับเมล็ดพันธุ์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดจำนวนสตาร์ทอัพมากเพียงที่จะส่งต่อให้ CVC ดูแลต่อในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต พร้อมเปรยว่าจะเร่งแก้ไขข้อติดขัดบางอย่างในเฟสต่อไป เพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยมากยิ่งขึ้น ให้แล้วเสร็จก่อนจัดงานใหญ่ Startup Thailand

นายสมคิด จาตุศรพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังดึงเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือร่วมกัน โดยเปิดเผยว่า กองทุน CVC (Corporate Venture Capital) ทั้งของหน่วยงานรัฐ เอกชนและต่างประเทศมีเม็ดเงินอยู่กว่า 2.8 หมื่นล้านบาท แต่กลับมีสตาร์ทอัพไทยได้รับเงินลงทุนสนับสนุนอยู่เพียงแค่ 100 รายเท่านั้น นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนที่ประเทศไทยต้องการสตาร์ทอัพเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้สามารถเข้าสู่ยุคประเทศไทย 4.0 ได้

ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนในระดับเมล็ดพันธุ์ Seed Funding ที่ยังคงเป็นเพียงแค่ไอเดียหรือแนวคิดที่มีความเป็นไปได้กลับไม่ได้รับการสนใจเพื่อลงทุนอย่างที่ควรจะเป็น แน่นอนว่าความเสี่ยงของการลงทุนในกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวและอาจจะเกิดการสูญเสียเงินได้ แต่เราก็ต้องยอมรับความเสี่ยงนั้น เพื่อสร้างให้เกิดโอกาสของสตาร์ทอัพหน้าใหม่เข้ามาป้อนให้กับโครงการบ่มเพาะของเอกชนได้อย่างเพียงพอ

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงอยากให้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ ตลท. จัดตั้งกองทุน “แองเจิล ฟันด์” เพื่อดำเนินการสนับสนุนและลงทุนสตาร์ทอัพในระดับ Seed ให้มากขึ้น และเป็นการเปิดโอกาสให้ไอเดียดีๆได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น และจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดสตาร์ทอัพในระดับที่สูงขึ้นไป ส่วนจะเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่นั้นให้ ตลท. ไปหารือจำนวนเงินกองทุนต่อไป

แน่นอนว่าอุปสรรคของการลงทุนของนักลงทุน ซึ่งมีทั้งเรื่องของกฏหมายที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบหุ้นได้ง่าย เหมือนกับบริษัทมหาชน หรือแม้กระทั่งข้อจำกัดของการลงทุน ที่ทำให้นักลงทุนนำมาเป็นปัจจัยสำคัญของการพิจารณาให้เงินทุน

อีกทั้งในส่วนของการอนุญาตต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทยส่วนของสตร์ทอัพก็จะได้เร่งดำเนินการเปิดทางให้เกิดวีซ่ารูปแบบใหม่ เพื่อให้สตาร์ทอัพไทยสามารภดึงนักพัฒนาเก่งๆเข้ามาทำงานให้ได้ในภาวะการขาดแคลนนักพัฒนา โดยหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็ควรจะต้องเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อเคียร์ทางให้เกิดการลงทุนที่ง่ายขึ้นและสตาร์ทอัพไทยก็จะสามารถก้าวขึ้นสู่เวลาทีโลกได้อย่างยั่งยืน

Related Posts