ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยกับการสาธิตเทคโนโลยี 5G Episode 1 ของเอไอเอส ซึ่งจากผลการทดสอบประสบความสำเร็จและเป็นไปตามเป้าหมายของการศึกษา วิจัย เทคโนโลยี 5G ในมิติต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องความเร็ว การตอบสนอง และการสนับสนุน IoT
ล่าสุด เอไอเอสเดินหน้าเดินหน้าสาธิตเทคโนโลยี 5G ต่อเนื่อง ในงาน “5G T he 1st Live in Thailand by AIS : Episode 2 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 – 15 มกราคม 2562 ที่ AIS D.C. ชั้น 5 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม เพื่อเปิดประสบการณ์ 5G โชว์เคสที่แตกต่างและไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน
ภายในงาน “5G The 1st Live in Thailand by AIS : Episode 2 นั้นผู้สนใจเข้าร่วมจะได้รับประสบการณ์ 5G สุดล้ำ ที่พร้อมให้เข้ามาเรียนรู้และเข้าใจเทคโนโลยี 5G ได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ โดยมีทีมงานกูรูผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำอธิบายตลอดงาน
ประกอบด้วย
5G Super Speed ที่สุดของความเร็ว 5G ที่มากกว่า 19 Gbps ร่วมทดสอบความเร็วของ 5G บนนวัตกรรมที่เหนือชั้นยิ่งกว่าจากเอไอเอส ด้วยความเร็วที่มากกว่า 19 Gbps เมื่อวันที่ 5G เข้ามาในประเทศไทย ซึ่ง AIS จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วของ 5G มากขึ้นไปอีก
ด้วยการนำเทคโนโลยี Multipath TCP หรือที่เรียกว่า NextG มาประยุกต์ใช้บนเครือข่าย 5G โดยสามารถที่จะรวมความเร็วของ 5G เข้ากับ AIS Super WIFI ได้ ทำให้ความเร็วของ 5G ตาม Standard เร็วเพิ่มขึ้นไปอีก โดยสามารถให้ความเร็วได้สูงสุดมากกว่า 19 Gbps หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็น NextG+
5G Connected Drone การสาธิตการใช้งานโดรนในยุค 5G เนื่องจากโดรนในยุคปัจจุบันมีการใช้งานผ่านคลื่นความถี่ WIFI ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องระยะทางในการใช้งาน สามารถควบคุมได้แค่ระยะทางใกล้ๆ ไม่เกินกว่าระยะสายตา และข้อจำกัดในเรื่องสัญญาณรบกวน เนื่องจากการใช้ความถี่ที่เป็น Unlicensed Band
แต่พอมาในยุค 5G ที่ความเร็วสูงและความหน่วงต่ำ จึงสามารถนำโดรนมาประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เช่น การขนส่ง, การเกษตร, ความปลอดภัยสาธารณะ, การกู้ภัย, การตรวจดูงานในโรงงานหรือพื้นที่เสี่ยง เป็นต้น ทำให้สามารถควบคุมโดรนระยะทางไกลได้ผ่านเครือข่ายมือถือ
ซึ่งคนควบคุมไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดียวกับโดรน และสามารถ streaming video ที่มีความละเอียดสูงกลับมาหาผู้ใช้งานได้ทันที โดยจะมีการสาธิต การทดสอบการควบคุมสั่งการโดรนแบบข้ามประเทศระหว่างประเทศไทย และจีน ให้ชมเป็นครั้งแรกอีกด้วย
5G Cloud Virtual and Augmented Reality ที่สุดของความบันเทิงเหนือจินตนาการพบกับการนำ Cloud มาใช้งานกับ AR และ VR ในยุค 5G ว่าจะมีประสิทธิภาพในการตอบสนองที่รวดเร็ว ใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา เนื่องจากการประมวลผลถูกใช้งานผ่าน Cloud
โดยเรื่องนี้อาจจะถูกไปประยุกต์ใช้กับ การเล่นเกม, ซื้อของ online, การศึกษา, การอบรม เป็นต้น โดยในงานได้จำลองออกมา 2 รูปแบบดังนี้ 1.Mix Reality World เป็นเกมยิงปืน ระหว่างผู้เล่น 2 คน โดยแต่ละคนสามารถเล่นอยู่คนละที่ แต่ผู้เล่นได้ประสบการณ์เสมือนจริงเหมือนอยู่ด้วยกัน
เนื่องจากอุปกรณ์ของผู้เล่นสามารถรับส่งข้อมูลการเคลื่อนไหวของผู้เล่นอีกฝ่ายแบบเรียลไทม์ ไปประมวลผลที่ Cloud ผ่านเครือข่าย 5G และ 2.Smart Gloves เป็นเกมที่ผู้เล่นสร้างลูกบอลไฟและยิงลูกไฟผ่านเครือข่าย 4G เปรียบเทียบกับ 5G เพื่อแสดงการตอบสนองบน 5G ที่เร็วกว่า
5G Wireless to the home แสดงศักยภาพของเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายผ่านเครือข่าย 5G (5G WTTx) ช่วยเสริมบริการ Fibre broadband ให้ครอบคลุมมากขึ้น ที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกล หรือ พื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น เกาะ, ภูเขา, ชนบท เป็นต้น ที่มีข้อจำกัดในการเดินสาย
โดยอุปกรณ์ที่จัดแสดงในงานนี้ เป็น CPE หรืออุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตภายในบ้านที่รองรับคลื่นความถี่ 5G ย่าน mmWave เชิงพาณิชย์ตัวแรกของโลก ตามมาตรฐาน 3GPP ซึ่งสเปคสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 2 Gbps
5G Internet of Things ที่สุดของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT มากกว่า 10 เท่า ผ่านเทคโนโลยี 5G V2X (Vehicle to Everything) เป็นเทคโนโลยีการสื่อสาร ระหว่างยานยนต์กับสิ่งต่างๆ โดยพื้นฐาน จะช่วยเรื่องความปลอดภัยในการคมนาคม, เพิ่มประสิทธิภาพการจราจร และประหยัดพลังงาน
โดยการสื่อสารผ่านเครือข่าย 5G จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์กับยานยนต์, ยานยนต์กับคนที่เดินบนท้องถนนผ่านอุปกรณ์อิเล็ทรอนิกส์, ยานยนต์กับโครงสร้างถนนหนทาง เช่น ไฟจราจร เป็นต้น
และยานยนต์กับเครือข่ายการประมวลผลบน cloud ซึ่ง 5G V2X ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้กับรถยนต์ไร้คนขับที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสมองว่า 5G คือ โอกาสครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมชีวิตคนไทยและอุตสาหกรรมไปอีกขั้น การจัดงานครั้งนี้จะแสดงให้เห็นภาพการประยุกต์ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม
ด้วยการสาธิตในสภาวะแวดล้อมเสมือนจริง ทั้งการใช้อุปกรณ์ที่มี Handset 5G ต้นแบบ รวมถึง Terminal หลายรูปแบบ ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติมากกว่า และเห็นภาพการมอบประสบการณ์จริงไปยังผู้บริโภคได้ชัดเจนกว่า
การทดสอบ 5G Episode 2 ในครั้งนี้ จึงมีแนวคิดที่แตกต่างและ Beyond มากขึ้น โดยเราตั้งใจที่จะศึกษา นำขีดความสามารถและศักยภาพของเอไอเอสที่มีอยู่ มาทดลองผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยี 5G เพื่อจะได้เห็นผลในเชิงรูปธรรม
ในวันที่ 5G มาจริงๆ เราจะสร้างสรรค์นวัตกรรมที่แตกต่างจากรายอื่น และสร้าง more value ที่จะยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของคนไทย และพลิกโฉมการทำงานของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมไปอีกขั้น
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง