กลัวจะคลำทิศทางไม่ถูกและทำให้การแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 แบบไม่ตรงจุด สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล.จึงแนะนำแผนที่จะช่วยได้แบบระยะยาว
โดยให้เริ่มปรับปรุงที่ตัวเองก่อน เริ่มตั้งแต่ระยะแรก ทำการปรับเปลี่ยนยานพาหนะภาครัฐ การตรวจสภาพเครื่องยนต์ให้มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปรับแต่งรถให้ลดการปล่อยก๊าซพิษที่เป็นสาเหตุของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งเป็นแผนการแก้ไขปัญหาระยะสั้น
โดยเฉพาะยานพาหนะขนส่งสาธารณะและยานพาหนะอื่นๆ ในสังกัด กทม. เช่น รถเมล์และรถร่วมบริการ ขสมก. รถตู้ รถขนขยะ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเก่าที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์
ส่วนแผนระยะกลางให้ เน้นเช่ารถ เพื่อลดปัญหาการซ่อมบำรุง มุ่งการบริหารจัดการระบบยานพาหนะของภาครัฐ ควรใช้ระบบการเช่ารถมากกว่าการจัดซื้อ เนื่องจากมีความคุ้มค่าในเรื่องการบำรุงรักษา
ทั้งนี้ จำนวนยานพาหนะในภาครัฐมีจำนวนกว่า 20,000 คัน ที่ใช้ทำกิจกรรมสาธารณะต่างๆ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง
และแผนระยะยาว หนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยมุ่งส่งเสริมและปรับเปลี่ยนยานพาหนะของภาครัฐสู่การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะในเขตเมือง เนื่องจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะช่วยลด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ เขม่าผงคาร์บอน ที่เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นละออง
ศาสตราจารย์ ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ภาครัฐจำเป็นจะต้องเสนอเป็นวาระสำคัญระดับประเทศ
เนื่องจากเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และการดำเนินชีวิตของประชาชนโดยทั่วไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงจำเป็นต้องวางแผนเชิงรุกและแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุจึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ในส่วนของ สจล. เองนั้นได้เริ่มใช้มาตรการคุมเข้มยานพาหนะที่สัญจรผ่านเข้า – ออก ภายในสถาบัน ผ่านการตรวจวัดความสมบูรณ์การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และระงับโครงการก่อสร้างที่ก่อค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน
พร้อมร่วมกับสำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ สจล. เร่งดำเนินการสร้างแบบจำลองระดับคุณภาพอากาศในพื้นที่สาธารณะของกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาเมืองรองรับการเจริญเติบโตในอนาคต
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง