AIS Business ประกาศวิชั่น 3 แกนหลัก “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน” เดินหน้าเคียงข้างลูกค้า ทั้งภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ SME ในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้วยต้นทุนที่เหมาะสม ชูความพร้อมด้านเครือข่ายและความรู้ในการนำพาลูกค้าสู่การเติบโต ภายใต้เทรนด์และสถานการณ์หลังเผชิญวิกฤติโควิด 19 และการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก พร้อมส่งมอบบริการดิจิทัลและไอซีทีโซลูชัน ที่สร้างความปลอดภัย มั่นใจ ตอบโจทย์การเติบโตของลูกค้าอย่างยั่งยืน
- – SE เปิดตัวบริการดิจิทัล ลุยวิเคราะห์ คาดการณ์ ลดดาวน์ไทม์ระบบไฟฟ้า
- – ไอบีเอ็ม จับมือ ไอดีซี ตกผลึก 5 เทรนด์สำคัญที่ต้องจับตาในปี 2566
นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS อธิบายต่อถึงภาพรวมสถานการณ์ตลาด และเทรนด์การทำ Digital Transformation ขององค์กร และ SME ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ว่า “3 ปี ที่เราอยู่กับการระบาดของโควิด-19 ทำให้องค์กรส่วนใหญ่ได้ปรับตัวรับผลกระทบจนพร้อมที่จะเดินหน้าต่อในบริบทของโลกหลังโควิดแล้ว และแน่นอนว่า พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการทำ Digital Transformation เพื่อสร้างโอกาสทางการแข่งขันและพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเติบโตของธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ภาคการผลิต ธุรกิจขนส่ง Logistics และผู้ให้บริการทางการเงิน เป็นต้น
“เทรนด์ของการใช้งานในปีนี้องค์กรจะมุ่งไปที่การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทาง IT ที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ เข้ามาช่วยจัดการ ควบคุม ความมั่นคงปลอดภัยของ Dataตามกรอบกฎหมายที่ประกาศใช้ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีกระแสเรื่องของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการบริหารจัดการที่ดี ทั้งหมดนี้ทำให้ ดิจิทัลโซลูชัน ได้กลายเป็นปัจจัยหลักที่จะเข้ามาช่วยองค์กรสร้างความพร้อมสู่การเติบโตควบคู่กับความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจได้”
นายธนพงษ์ ขยายความต่อไปอีกว่า เมื่อมองภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ทำให้ในปีนี้เรายังคงมุ่งสร้าง Digital Business Ecosystem ให้มีความสมบูรณ์แบบ สามารถตอบโจทย์การทำงานทุกองค์กรได้ในทุกมิติ ผ่าน 5 กลยุทธ์ อันได้แก่ 1) เชื่อมต่อ 5G Ecosystem เพื่อการทำงานของภาคธุรกิจอย่างรอบด้าน 2) ยกระดับการทำงานของโครงข่ายด้วยIntelligent Network 3) มุ่งเสริมความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและแพลตฟอร์ม 4) เสริมอาวุธด้านการตลาดและเพิ่มโอกาสการเติบโต Data-driven Business 5) ส่งมอบบริการด้วยทีมงานมืออาชีพที่ไว้วางใจได้
ความพร้อม 3 สำคัญ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและปลอดภัย ตลอดปี 2023
Growth: Accelerating Growth Beyond Pandemic Recovery เร่งการเติบโตของธุรกิจโดยการสร้างขีดความสามารถใหม่ๆ ด้วยเครื่องมือทางดิจิทัล เพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจด้วยศักยภาพของ AIS 5G และ Cloud Platform, ตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าด้วยการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะ Data Insight & Lifestyle as a Service, พร้อมการสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ ๆ เฉพาะอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Smart Manufacturing, Smart Transportation & Logistics, Smart City & Building, และ Smart Retail
Trust: Modernizing Trusted Digital Infrastructure to Improve Efficiency, Agility and Security บริการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ ด้วยความพร้อมเต็มรูปแบบของ Intelligent Network, Cloud Platforms, และ Cyber Security สอดรับกับกฎระเบียบของการใช้งานที่ปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนดของแต่ละอุตสาหกรรม ผ่านโซลูชันอย่างเช่น Sovereign Cloud, SD-WAN, Secured Connectivity เป็นต้น ที่ตอบโจทย์ทั้งความเร็ว ความยืดหยุ่น ช่วยยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลและระบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยขององค์กร
เน้นการใช้งานที่ง่าย เพื่อช่วยให้ลูกค้าจัดการระบบเองได้อย่างง่ายดาย พร้อมความปลอดภัยและคุณภาพระดับเอนเตอร์ไพร์ซเกรด เพื่อช่วยให้องค์กรมีความปลอดภัย และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีความทนทาน พร้อมการบริการแบบที่เดียวจบ (One Stop Services) อีกทั้งยังมีการทำมัลติโคโลเคชั่น ช่วยให้ลูกค้าวางเดต้าไว้ใกล้กับสถานที่องค์กร เพื่อช่วยให้ระดับลาเทนซี่ของการส่งข้อมูลที่ต่ำลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่รวดเร็วและมีความสเถียรมากยิ่งขึ้น
Sustainability: Creating Sustainable Business with Digital Solutions สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อธุรกิจอย่างยั่งยืน AIS Business พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมนวัตกรรมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การสร้างระบบนิเวศสำหรับการพัฒนานวัตกรรมร่วมกับพันธมิตรต่างๆ การสร้าง AIS 5G NEXTGen Platform เพื่อการสร้าง 5G โซลูชันได้สะดวกรวดเร็วขึ้น
ไปจนถึงโซลูชันที่เข้ามาช่วยในการบริการจัดการการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยคาร์บอน การปล่อยน้ำเสียโดยใช้ข้อมูลแบบ real-time จากอุปกรณ์ IoT ทำให้พร้อมการคาดการณ์การใช้พลังงานล่วงหน้า เพื่อให้สามารถตัดสินใจวางแผนการทำงาน หรือการผลิตได้อย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่าง e-Waste, Academy for Thai, และอุ่นใจไซเบอร์ เป็นต้น
“จากเป้าหมายใหญ่ของ AIS ที่ต้องการเป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ ในส่วนธุรกิจลูกค้าองค์กรอย่าง AIS Business ก็จะสร้างเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้ยั่งยืน ด้วยการเร่งขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของลูกค้า โดยเทคโนโลยีและการให้บริการดิจิทัลที่หลากหลายครบครัน ด้วยทีมงานที่ไว้ใจได้ในความสามารถอย่างมืออาชีพ เรามุ่งหวังที่จะเป็นพันธมิตรสมาร์ตดิจิทัลที่ไว้วางใจได้ สนับสนุนองค์กรธุรกิจและ SME ไทยให้ “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน” อย่างยั่งยืน” นายธนพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ความพร้อมของเอไอเอส ในการให้บริการธุรกิจ ประกอบด้วยโครงข่าย 5G ที่พร้อมให้บริการภาคธุรกิจกว่า 2 แสนเครือข่าย ขยายตัวกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่เครือข่าย 5G ถูกนำไปใช้ภายในองค์กรธุรกิจกว่า 70,000 เน็ตเวิร์ก อีกทั้งยังมีการปรับตัวเข้าสู่ระบบคลาวด์ได้กว่า 3,000 องค์กร
ขณะที่ด้านการขยายพาร์ทเนอร์ มีความร่วมมือที่ผ่านมาแล้วกว่า 200 พร์ทเนอร์ เพื่อการประยุกต์ใช้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ผ่านระบบเครือข่าย 5G ที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งพาร์ทเนอร์ด้านซอฟต์แวณืและความปลอดภัย อาทิ ฟอร์ติเน็ต ไมโครซอฟต์ และ วีเอ็มแวร์ คลาวด์ พร้อมมาตฐานบริการที่ได้รับการรับรองในระดับสากล
นอกจากนี้ ด้านการพัฒนาธุรกิจของเอไอเอสเองในด้านของความยั่งยืน แบ่งออกเป็น 3 หลักที่สำคัญ 1 ขับเคลื่อนธุรกิจบนแนวคิดความยั่งยืน ทั้งการส่งเสริมดิจิทัลอีโคโนมี การสนับสนุน Digital Inclusion และการส่งเสริมกิจกรรมช่วยลดโลกร้อน 2.ESG friendly Solution ด้วยระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดผลกระทบที่ไม่ดีต่อสภาพอากาศ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุน และสร้างความเข้าใจที่ตรงกันของผู้ถือหุ้นเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างยั่งยืน 3.Digital Innovation Ecosystem การส่งเสริมการสร้าอีโคซิสเต็มทั้งระบบที่ ต่อยอดไปสู่การพัฒนาความบยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม