ทีเอ็มเอ็กซ์ โกลบอล (TMX Global) บริษัทที่ปรึกษาด้านการทรานส์ฟอร์เมชันซัพพลายเชนแบบครบวงจร ประกาศทุ่มการลงทุนมาไทยกว่า 50% ดันฐานในไทยสู่ดาต้าฮับของภูมิภาค พร้อมเปิดตัวโซลูชั่น ทีเอ็มเอ็กซ์ เมตาเวิร์ส (TMX Metaverse) เทคโนโลยีการจำลองธุรกิจของอุตสาหกรรมซัพพลายแบบเสมือนจริงในเอเชีย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาโมเดลธุรกิจได้หลากหลายสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องของซัพพลายเชน
- – เทนเซ็นต์ คลาวด์ ส่ง Metaverse Solution Suite ยกระดับผู้ประกอบการไทยในยุคดิจิทัล
- – อาลีบาบา คลาวด์ สนับสนุนระบบนิเวศ Web 3.0 ด้วย Blockchain Node Service
นายทราวิส เออร์ริดจ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TMX Global กล่าวว่า TMX Metaverse เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการrพลิกโฉมซัพพลายเชน ซึ่งจะช่วยให้ ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงโลกเสมือนจริงโดยการจำลองแผนผังพื้นที่ในอัตราส่วนที่เท่ากับพื้นที่และผู้ใช้งานจริงตลอดกระบวนการออกแบบ การใช้ประโยชน์จากความสามารถของเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส ทำให้เราสามารถเปลี่ยนข้อมูลการออกแบบที่เป็นดิจิตัลให้เป็นโลกเสมือนจริงที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
และ TMX ยังสามารถกำหนดองค์ประกอบต่างๆ ในการออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ได้อย่างอิสะและเรียลไทม์ ทำให้สามารถบริหารต้นทุนที่ประเมินค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดโครงการ นอกจากนี้ ความสามารถในการออกแบบด้วยเมตาเวิร์สที่ช่วยให้เห็นภาพทางธุรกิจได้เสมือนจริงและชัดเจนมากขึ้น ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ในช่วงกระบวนการกำหนดกรอบแนวคิด โดยในบางโครงการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงถึง 50%
โดยหนึ่งในฟีเจอร์หลักของแพลตฟอร์ม TMX Metaverse คือฟีเจอร์ Campus ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบซัพพลายเชนอัตโนมัติเสมือนจริงที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่สมจริงในการเรียนรู้ และทำความเข้าใจว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ สามารถนำมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านซัพพลายเชนอย่างไรบ้าง หากมีการนำมาใช้งานจริง
นายทราวิส กล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญในงานเปิดตัวว่า ก่อนหน้านี้ บริษัทได้มีการเปิดตัวโซลูชันเมตาเวิร์สครั้งแรกที่ออสเตรเลียซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง สำหรับการเปิดตัวโซลูชันในครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ภาคธุรกิจให้ความสำคัญต่อภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมซัพพลายเชนในเอเชียกำลังเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากผู้บริโภค ผู้บริหารธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“เราพบว่าปัญหาการหยุดชะงักของระบบซัพพลายเชนอย่างต่อเนื่อง ได้สร้างความสูญเสียให้เศรษฐกิจอาเซียนถึง 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 586,845 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากภูมิภาคนี้มีบทบาทในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนโลก ท่ามกลางความผันผวนในภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ในเอเชียกำลังพิจารณาหาแนวทางเพื่อลดผลกระทบจากการหยุดชะงักดังกล่าว และทำให้มั่นใจว่าซัพพลายเชนมีความสามารถในการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี
“การออกแบบซัพพลายเชนที่มีประสิทธิผลและสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้นั้น มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การมองเห็นภาพการทำงานล่วงหน้า สิ่งนี้เป็นปัจจัยที่จุดประกายให้เราริเริ่มการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ TMX Metaverse ไม่เพียงทำให้ได้เกิดประสบการณ์ตรง จากแนวคิดและการออกแบบพื้นที่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น แต่ยังทลายพรมแดนให้ธุรกิจสามารถทำงานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์ตลอดกระบวนการออกแบบ ทำให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้ตรงตามความต้องการด้านซัพพลายเชนอย่างแท้จริง”
“อาเซียนมอบโอกาสในการเติบโตที่โดดเด่นในทุกด้าน และ TMX จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของภูมิภาคนี้ ด้วยการสร้างเสริมความคล่องตัวและความสามารถในการปรับตัวของซัพพลายเชนในภูมิภาค” นายทราวิส กล่าวเสริม
“ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการดำเนินกลยุทธ์ของ TMX ในเอเชีย เนื่องจากเป็นตลาดซัพพลายเชนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และไทยยังมีการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซซึ่งดึงดูดการลงทุนในคลังสินค้าและโลจิสติกส์ อีกทั้งภาครัฐยังมีการดำเนินโครงการระดับประเทศเพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค ครอบคลุมการคมนาคมขนส่งภาคพื้นดิน อากาศ และทางทะเลในอาเซียน”
“การเปิดตัว TMX Metaverse ในเอเชีย ที่จัดขึ้นใน ประเทศไทยในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเราที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและพร้อมเติบโตต่อไป สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของเราในเอเชีย ในการต่อยอดจากสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากอุตสาหกรรมซัพพลายเชนที่ผนวกกับโซลูชันส์ดิจิทัล ดังนั้นเราจึงเลือกประเทศไทยเป็นหมุดหมายสำคัญในการดำเนินธุรกิจเพื่อความสำเร็จในระดับสากล” นายดีน ทิ้งท้าย
ทั้งนี้การลงทุนของ TMX Global ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจไปทั่วโลกกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 360% ขณะที่ในอีก 2-3 ข้างหน้าจะมีการลงทุนเพิ่มอีก 2 เท่า ซึ่งคาดว่ากว่า 50% ะเป็นการลงทุนเข้ามาที่ประเทศไทย เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านดาต้าของภูมิภาค