ส่องวิถี ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กับโฉมใหม่ของออฟฟิศ U-House 2.0

ส่องวิถี ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กับโฉมใหม่ของออฟฟิศ U-House 2.0

ความท้าทายของโลกการทำงานในยุคหลังโควิด 19 แพร่ระบาด เป็นเรื่องของการผสมผสานการทำงานแบบไร้รูปแบบที่ทุกสถานที่ทำงานต่างต้องจัดการให้เกิดสมดุล ไม่ว่าจะเรียกกลยุทธ์ Work form Anywhrere หรือ Hybrid Work ต่างก็ล้วนแล้วแต่ต้องตอบสนองความคล่องตัวเป็นหลัก วันนี้ TheReporterAsia ได้มีโอกาสในการเข้ามาเยี่ยมชมการปรับโฉมสถานที่ครั้งสำคัญของ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ที่คนทำงานที่นี่เขาเรียกว่า U-House 2.0 ลองมาดูกันว่า แนวคิดของการสร้างสรรค์บรรยากาศการทำงานให้สอดคล้องกับยุคสมัย ไม่ยึดติดสถานที่ทำานภายในต้ความร่วมมือและประสิทธิภาพของการทำงานที่เหมือนเดิมจะเป็นอย่างไรบ้าง

โดย U-House 2.0 ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ถูกออกแบบให้สอดรับกับความต้องการของพนักงาน ให้สามารถตอบโจทย์การทำงานในรูปแบบไฮบริด และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผสานฟังก์ชันใหม่ของเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมศักยภาพด้านการทำงานและยกระดับประสบการณ์ทำงานให้ดียิ่งกว่าด้วยพื้นที่หลายรูปแบบ พร้อมสนับสนุนทุกช่วงเวลาที่สำคัญไปด้วยกันด้วยผ่านการเชื่อมต่อ สร้างสรรค์ ทำงานร่วมกัน และความรื่นรมย์ในสถานที่ทำงานตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไดนามิกที่พร้อมรับทุกความท้าทายและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน มุ่งขับเคลื่อนความสำเร็จให้ทั้งบุคลากรและองค์กรอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

U-House 2.0

เป้าหมายการปรับปรุงออฟฟิศเดิมสู่ ‘U-House 2.0’

ยูนิลีเวอร์มุ่งมั่นในการพัฒนาการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปของพนักงาน พร้อมส่งเสริมศักยภาพด้านการทำงาน เพื่อยกระดับประสบการณ์ทำงานให้ดียิ่งกว่าที่เคย ผ่าน 3 เรื่องสำคัญ

1. Workplace Reimagine: สร้างนิยามใหม่ของสถานที่ทำงาน โดยออกแบบพื้นที่ทำงานให้เหมาะสมกับหลายรูปแบบและรองรับการทำงานร่วมกัน เชื่อมต่อถึงกันและเพิ่มประสิทธิภาพด้านความคิดสร้างสรรค์

U-House 2.0

2. Digital Workplace: ยกระดับสถานที่ทำงานแบบดิจิทัลยิ่งกว่าที่เคย ด้วยการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้งานเพื่อตอบโจทย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในทุกความต้องการ

3. Experience Enhancement: การปรับปรุงประสบการณ์การทำงานให้ราบรื่น ครอบคลุม และเท่าเทียมกันไม่ว่าจะที่บ้าน ออฟฟิศ หรือที่ไหนก็ตาม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การมีส่วนร่วม และเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดี สร้างสภาพแวดล้อมให้สมาชิกในทีมทุกคนสามารถเติบโตไปด้วยกัน

U-House 2.0

4 พื้นฐานสำคัญของการออกแบบ U-House 2.0

  1. Inclusive by design: การเป็นหนึ่งเดียวผ่านการออกแบบ โดย U-House จะสนับสนุนความแตกต่างของพนักงาน ด้วยการมอบประสบการณ์ที่เข้าถึงได้ง่ายและเท่าเทียมกัน
  2. Landscape of variety: พื้นที่ที่หลากหลาย ช่วยให้ทีมงานและบุคลากรทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข
  3. Igniting our spark: จุดประกายของพนักงานด้วยทรัพยากรที่เหมาะสม รองรับความต้องการและความท้าทายในอนาคต เพื่อการปลดปล่อยศักยภาพส่วนบุคคลของพนักงาน
  4. A beacon for sustainability: สัญลักษณ์แห่งความยั่งยืน โดย U-House สานต่อวิสัยทัศน์ของยูนิลีเวอร์ในการเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนให้กับทุกคน

ยูนิลีเวอร์

ตอบโจทย์แนวความคิด 3 ด้านสำคัญ

  1. ด้านกายภาพ (Physical): พื้นที่อเนกประสงค์ สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดี ประกอบไปด้วย
    1. First Aid Room ห้องคลินิกในองค์กร เป็นห้องพยาบาล ที่มีพยาบาลประจำทุกวัน คุณหมอประจำการอยู่วันเว้นวัน ที่สามารถจ่ายยาสามัญเบื้องต้นและปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ พร้อมพื้นที่นักบำบัด (RSVP) สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษา และยังมีห้องของคุณแม่ให้คุณแม่จัดการภารกิจส่วนตัวและมีตู้เย็นเก็บของเฉพาะคุณแม่ และมีเตียงพยาบาลที่สามารถนอนพักเมื่อไม่สบายได้ โดยใครมาก่อนก็จะสามารถใช้บริการได้ก่อน
    2. พื้นที่เพื่อสุขภาพ เช่น ห้องงีบ และโซนสำหรับการพักผ่อน มีเก้าอี้ปรับเอนนอน 2 ตัว โดยใครมาก่อนก็จะได้รับการบริการก่อน เป็นที่พักผ่อนชั่วคราวของพนักงาน
      ยูนิลีเวอร์
    3. U Rest ห้องพักผ่อนที่มีมินิเธียเตอร์ และเกมส์ อาทิ PlayStation®5, Nintendo Switch และบอร์ดเกมให้พนักงานได้เล่นผ่อนคลายจากการทำงานระหว่างวัน
    4. U Café พื้นที่แห่งการเชื่อมต่อ พบปะสานสัมพันธ์ระหว่างพนักงานด้วยกัน ให้บรรยากาศผ่อนคลายสบาย ๆ โดยมีบริการเครื่องดื่มและของว่างให้พนักงานด้วย
  2. ด้านดิจิทัล (Digital): การจัดสรรโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีเพื่อรองรับการทำงานแบบไฮบริด ด้วยการนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจเชิงกลยุทธ์เพื่อให้พนักงานสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และทำงานร่วมกันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ประกอบไปด้วย
    1. Perfect Meeting Room ห้องประชุมขนาดใหญ่ พร้อมระบบการจองห้องประชุมที่ไร้รอยต่อและแผนผังที่เชื่อมถึงกัน
    2. Microsoft Surface Hub ไวท์บอร์ดดิจิทัลออลอินวันที่ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการทำงานร่วมกันอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้นบนหน้าจอแบบโต้ตอบสำหรับการทำงานแบบไฮบริด ออกแบบมาสำหรับการประชุม สร้างสรรค์งานด้วยกันและทำงานร่วมกันใน Microsoft Teams และสามารถเสนอความคิดเห็นและทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์บนไวท์บอร์ดแบบโต้ตอบจากระยะไกล ไม่ว่าจะทำงานจากที่ใดก็ตาม
      ยูนิลีเวอร์
    3. ระบบดูดซับเสียงและระบบไฟส่องสว่างที่ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว พร้อมระบบกระจายเสียงคุณภาพ โดยมีไมโครโฟนติดเพดาน ติดตั้งลำโพงในตัว รับเสียงรอบทิศทาง 360 องศา และเทคโนโลยีป้องกันเสียงรบกวนและเสียงสะท้อนให้คุณภาพเสียงชัดเจนระดับ HD รองรับการประชุมทีมทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่
  3. ด้านความรู้สึก (Emotional): สนับสนุนการมีส่วนร่วม และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก และคอยให้ความช่วยเหลือในที่ทำงานอยู่เสมอ

ประเภทพื้นที่ภายในสำนักงานของ U-House 2.0

พื้นที่สำนักงานของ U-House 2.0 แบ่งออกเป็น 5 ประเภท เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ครอบคลุมตั้งแต่เป็นพื้นที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการทำงาน ช่วยในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ มีจุดทัชดาวน์ไว้ทำงานที่ต้องใช้การโฟกัสเป็นพิเศษ และพื้นที่ผ่อนคลายพักผ่อนหย่อนใจ

ยูนิลีเวอร์

  1. Focus Zone: พื้นที่โฟกัสที่รองรับการทำงานที่ต้องใช้สมาธิเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นงานเดี่ยว หรือการประชุมที่ต้องการความเป็นส่วนตัว โดยเราได้ดูแลจัดการพื้นที่ทำงานที่ส่งเสริมสมาธิของแต่ละบุคคล ตลอดจนการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. Collaboration Zone: พื้นที่ทำงานร่วมกัน ตั้งแต่งานที่ต้องทำในแต่ละวันของของแต่ละบุคคล ตลอดจนการทำงานระดับทีม รวมถึงมีอุปกรณ์พื้นฐานที่มีความจำเป็นรองรับการทำงานที่หลากหลาย เราได้ปรับโฉมพื้นที่ให้โซนการทำงานร่วมกันมีชีวิตชีวาและสร้างความกระตือรือร้นระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนการสร้างความรู้สึกร่วม และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในพนักงานที่หลากหลาย
    ยูนิลีเวอร์
  3. Connect Zone: พื้นที่เชื่อมต่อ โดยจัดสรรห้องประชุมให้มีเทคโนโลยีที่สนับสนุนการประชุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาพร้อมระบบดูดซับเสียงและระบบไฟส่องสว่างที่ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว รองรับการประชุมทีมทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ระดับ Town Hall นอกจากนี้ เรายังปรับโฉมพื้นที่ให้มีโซนการทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น
  4. Vitality Zone: พื้นที่ที่เติมพลังแห่งใหม่ให้กับพนักงาน มอบโอกาสในการผ่อนคลาย เชื่อมต่อ และเติมพลังระหว่างวันทำงาน เช่น U Rest และ U Café มีโซน Wellness เพื่อดูแลสุขภาพองค์รวม ประกอบไปด้วยพื้นที่สำหรับคุณแม่ จุดงีบหลับ และพื้นที่สำหรับนักบำบัด ถือเป็นระบบสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานอย่างครบวงจร
    ยูนิลีเวอร์
  5. Specialist Zone: พื้นที่สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ทั้งในแง่ของการสนับสนุนการทำงานอย่าง Business Support Centre และห้องพยาบาลเสมือนคลีนิกในองค์กรที่มีพยาบาลประจำทุกวัน คุณหมอประจำการอยู่วันเว้นวัน ที่สามารถจ่ายยาสามัญเบื้องต้นและปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมพื้นที่นักบำบัด (RSVP) สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษา รวมถึงมีห้องของคุณแม่ให้คุณแม่จัดการภารกิจส่วนตัวและมีตู้เย็นเก็บของเฉพาะคุณแม่ และมีเตียงพยาบาลที่สามารถนอนพักเมื่อไม่สบายได้ โดยใครมาก่อนก็จะสามารถใช้บริการได้ก่อน ทั้งหมดนี้เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรมีการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีอย่างครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ

ภูธัต เนตรสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายประสบการณ์การทำงานของพนักงาน ประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน ยูนิลีเวอร์ เปิดเผยว่า เป้าหมายของการปรับปรุง U-House 2.0 แห่งนี้ เพื่อสร้างนิยามใหม่ให้สถานที่ทำงาน ผนวกรวมเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมพัฒนาพื้นที่หลายรูปแบบเพื่อเสริมศักยภาพด้านการทำงาน และยกระดับประสบการณ์ทำงานให้ดียิ่งกว่า และยังพร้อมสนับสนุนทุกช่วงเวลาที่สำคัญไปด้วยกัน ภายใต้แนวคิดของการเชื่อมต่อ สร้างสรรค์ ทำงานร่วมกัน และความรื่นรมย์ในสถานที่ทำงาน ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไดนามิกที่พร้อมรับทุกความท้าทาย อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน และมุ่งขับเคลื่อนความสำเร็จให้ทั้งบุคลากรและองค์กรอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

Related Posts