สิงคโปร์ – เศรษฐกิจ สิงคโปร์ ยังคงขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่สองของปี 2567 โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเติบโตที่ต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 3.0% ข้อมูลเบื้องต้นจากกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (MTI) ชี้ให้เห็นว่า การเติบโตในไตรมาสนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากภาคบริการ ในขณะที่ภาคการผลิตกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง
- – อินโดนีเซีย-กัมพูชา ฟื้นฟูโรงเรียน จ.ไพรแวง ฉลองความสัมพันธ์ 65 ปี
- – สิงคโปร์ เผยยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 2.2% อาหาร-เครื่องดื่มมาแรง
กลุ่มอุตสาหกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร การเงินและประกันภัย และบริการวิชาชีพ ขยายตัวโดดเด่นที่ 5.6% ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตที่แข็งแกร่งในไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และดิจิทัลโซลูชันส์ที่ยังคงมีความต้องการสูง ส่วนภาคการเงินและประกันภัยก็ได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริการทางการเงิน ธนาคาร และการบริหารจัดการกองทุน
ภาคการค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงการขนส่งและการเก็บรักษาก็มีการขยายตัวที่ 2.5% แม้จะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการขนส่งทางน้ำและทางอากาศ รวมถึงการค้าส่งเครื่องจักร อุปกรณ์ และสินค้าอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ภาคค้าปลีกกลับหดตัวเนื่องจากยอดขายเครื่องแต่งกาย รองเท้า นาฬิกา และเครื่องประดับลดลง
ภาคการผลิตฟื้นตัว
ภาคการผลิตซึ่งเคยหดตัวในไตรมาสก่อนหน้า กลับมาเติบโตได้อีกครั้งในไตรมาสนี้ที่ 0.5% โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของผลผลิตในเกือบทุกกลุ่มยกเว้นชีวการแพทย์และวิศวกรรม الدقة ในขณะที่ภาคการก่อสร้างยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 4.3% จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในโครงการภาครัฐ
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจสิงคโปร์จะยังคงเติบโต แต่ก็มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้าระหว่างประเทศ ความผันผวนของตลาดการเงินโลก และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนในอนาคต
ผลกระทบต่อประชาชน
การขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมส่งสัญญาณบวกต่อตลาดแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคการค้าปลีกที่หดตัวอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในบางส่วน นอกจากนี้ การเติบโตของภาคบริการด้านเทคโนโลยีอาจกระตุ้นให้เกิดความต้องการแรงงานที่มีทักษะสูงมากขึ้น
#เศรษฐกิจสิงคโปร์ #GDP #การเติบโตทางเศรษฐกิจ #ภาคบริการ #ภาคการผลิต #TheReporterAsia