กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงาน DELTA FUTURE INDUSTRY SUMMIT 2024 ภายใต้หัวข้อ “ปลดล็อกศักยภาพของ AI เพื่อการเติบโตของอุตสาหกรรมและดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยมีผู้บริหารภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
- – Ai-Da หุ่นยนต์วาดภาพเหมือนจริง! เตรียมประมูลขายผลงานศิลปะชิ้นแรก
- – Meta เผยพลังการเชื่อมต่อ ชู AI ยกระดับธุรกิจ เชื่อมโยงผู้คนกว่าครึ่งโลก
นายวิคเตอร์ เจิ้ง กล่าวว่า “AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมและสร้างโอกาสใหม่ๆ ทั่วโลก สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศไทย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ซึ่งมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด AI ในประเทศเหล่านี้จะสูงถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ ภายในปี 2573”
อย่างไรก็ตาม นายเจิ้ง มองว่าการพัฒนา AI จำเป็นต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะประเด็นด้านกฎระเบียบ โครงสร้างพื้นฐาน และจริยธรรม เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยประเทศไทยเองได้มีการลงทุนอย่างมากในการพัฒนา AI สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูง
“เดลต้า เล็งเห็นถึงศักยภาพของ AI ในการขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ระบบอัตโนมัติในโรงงาน ดาต้าเซ็นเตอร์ และอาคารอัจฉริยะ” นายเจิ้ง กล่าวเสริม
AI กับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม
ในภาคอุตสาหกรรม AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดเวลาหยุดทำงานของเครื่องจักร และเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ โดยคาดการณ์ว่า AI ในตลาดการผลิตทั่วโลกมีศักยภาพในการสร้างมูลค่า 1.22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี สำหรับการผลิตและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI จะผลักดันให้การใช้จ่ายด้านทุนของดาต้าเซ็นเตอร์สูงกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2570 โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft และ Google ได้ประกาศแผนการลงทุน 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาคนี้
ในภาคพลังงาน ตลาด AI คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า โดย AI จะเข้ามาช่วยในการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาด การพยากรณ์พลังงาน และการจัดการสินทรัพย์ ขณะที่ตลาดอาคารอัจฉริยะทั่วโลกคาดว่าจะมียอดการใช้จ่ายสูงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2572 ซึ่งเติบโตเกือบ 4 เท่าจากปัจจุบัน โดยมี AI เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
โซลูชั่น AI จากเดลต้า
เดลต้า ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยมีตัวอย่างโซลูชั่นที่น่าสนใจ ดังนี้
- เทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลว: ช่วยจัดการความร้อนมหาศาลที่เกิดจาก AI workload ในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยใช้พลังงานน้อยกว่าระบบระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิมถึง 7%
- แพลตฟอร์มการค้าดิจิทัล: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอัจฉริยะ ด้วยการจำลองสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ ลดเวลาในการติดตั้งใช้งานมากกว่า 50%
- เทคโนโลยี Video Surveillance: ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับอาคาร ด้วยระบบวิเคราะห์วิดีโออัจฉริยะ ที่สามารถค้นหาบุคคลหรือเหตุการณ์ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
AI คืออนาคต
ในช่วงท้ายของการกล่าวเปิดงาน DELTA FUTURE INDUSTRY SUMMIT 2024 นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ AI โดยมองว่า AI ไม่ใช่แค่กระแสที่มาแรงในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เป็นเทคโนโลยีที่จะอยู่กับเราในระยะยาว และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาธุรกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คน
นายเจิ้ง ได้ยกตัวอย่างถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในอดีต ตั้งแต่ยุคของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในช่วงปี 1980s จนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในชีวิตประจำวัน ต่อมาในยุค 2000s อินเทอร์เน็ตและการสื่อสารไร้สายเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนอย่างสิ้นเชิง และในปัจจุบัน AI กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Search Engine, Social Media, หรือ Mobile Computing ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของเรา
“ในอนาคต ข้อมูลต่างๆ จะถูกแปลงเป็นดิจิทัลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลลูกค้า หรือข้อมูลทางธุรกิจ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา Machine Learning และ AI” นายเจิ้ง กล่าว
นายเจิ้ง ยังได้ยกตัวอย่างถึงการนำ AI มาใช้ในภาคอุตสาหกรรม เช่น การใช้ AI ในการบำรุงรักษาเครื่องจักร โดย AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและประวัติการใช้งานของเครื่องจักร เพื่อคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และแจ้งเตือนล่วงหน้าเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการเกิดเหตุขัดข้อง และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
“AI จะช่วยแก้ปัญหา Logistical Issues ต่างๆ ในการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่พิมพ์คำถามหรือสั่งงานด้วยเสียง AI ก็จะสามารถให้คำตอบได้ทันที” นายเจิ้ง อธิบาย
นายเจิ้ง เชื่อมั่นว่า AI จะกลายเป็นเทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต โดย เดลต้า พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา AI เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คน และสร้างโลกที่ชาญฉลาด ยั่งยืน และเชื่อมต่อถึงกัน
#DeltaElectronics #AI #FutureIndustry #DataCenter #Industry40 #DigitalTransformation