BDE ชูผลสำเร็จ MODEST แบบจำลองเศรษฐกิจดิจิทัล แก้ความเหลื่อมล้ำ

BDE ชูผลสำเร็จ MODEST แบบจำลองเศรษฐกิจดิจิทัล แก้ความเหลื่อมล้ำ

รองเลขาธิการฯ BDE เผยตัวเลขเศรษฐกิจดิจิทัลปี 2567 ขยายตัว 5.7% คิดเป็น 2.2 เท่า ของ GDP โดยรวม มูลค่ารวม 4.44 ล้านบาท ชี้ MODEST เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคต

กรุงเทพฯ – 29 มกราคม 2568สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) จัดงานสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการ “สู่การพัฒนาการวิเคราะห์ภูมิภาคอาเซียน การพัฒนาแบบจำลอง MODEST เพื่อวัดผลกระทบของดิจิทัลต่อความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย” โดยมีนางอำไพ จิตรแจ่มใส รองเลขาธิการ BDE เป็นประธานเปิดงาน

นางอำไพ จิตรแจ่มใส รองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) กล่าวว่า BDE ได้เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจดิจิทัล ปี 2567 ขยายตัว 5.7% คิดเป็น 2.2 เท่า ของ GDP โดยรวม มูลค่ารวม 4.44 ล้านบาท สะท้อนเศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) โดยBDE ได้เห็นถึงความสำคัญ จึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนาแบบจำลอง MODEST เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการวางแผนเชิงนโยบายที่มีเป้าหมายในการวิเคราะห์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลต่อเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล

โดยแบบจำลองนี้ ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้กำหนดนโยบายในการพิจารณาแนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่เหมาะสม มีความมุ่งหวังว่า แบบจำลอง MODEST จะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนในการประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล และเพื่อพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับเป้าหมาย อาทิ การเสริมสร้างการเข้าถึงดิจิทัล การส่งเสริมบริการดิจิทัล และการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นต้น

สำหรับโครงการดังกล่าว ได้มีการพัฒนาฐานข้อมูลที่ครอบคลุมสำหรับรองรับการดำเนินงานของแบบจำลอง โดย “MODEST Model” เป็นแบบจำลองระดับมหภาค ข้อมูลหลักที่ใช้ประกอบด้วย ตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตดิจิทัลจากBDE บัญชีรายได้ประชาชาติจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) และข้อมูลรายได้จากภาษีจากกรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต

สำหรับ “Micro-MODEST Model” ซึ่งเป็นแบบจำลองระดับจุลภาค ใช้ข้อมูลจาก Thailand Digital Outlook การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคม การสำรวจแรงงาน และสำมะโนอุตสาหกรรมและธุรกิจ รวมถึงข้อมูลจากแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนและการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง แบบจำลองนี้ จะสามารถรองรับการวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายในมิติที่หลากหลาย ทั้งในด้านการค้าเสรี การไหลเวียนทางดิจิทัล และปัจจัยเชิงภูมิภาคอื่น ๆ ได้อีกด้วย

BDE

สำหรับเครื่องมือเพื่อใช้ในการประเมินผลกระทบของนโยบายดิจิทัลดังกล่าว ได้แก่ แบบจำลอง Ministry of Digital Economy and Society of Thailand (MODEST) และแบบจำลอง Micro-MODEST ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากนโยบายดิจิทัล ควบคู่ไปกับการแสดงภาพการเปลี่ยนแปลงของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัล

BDEได้เปิดเผยผลการศึกษาเชิงเทคนิคในการทดลองประเมินผลลัพธ์ของนโยบายด้านดิจิทัลผ่านฉากทัศน์ 3 รูปแบบ ประกอบด้วย

  • ฉากทัศน์ 1: การเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลของครัวเรือน จำนวน 1.2 ล้านครัวเรือนในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ดิจิทัลและการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน เพื่อให้มีอุปกรณ์และการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้

  • ฉากทัศน์ 2: การเพิ่มทักษะดิจิทัลของแรงงาน จำนวน 6.97 ล้านคนในกลุ่มครัวเรือนในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเพื่อให้สามารถนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ในการทำงานที่ตนเองทำอยู่

  • ฉากทัศน์ 3: การเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อให้เกิดการเติบโตของมูลค่าอุตสาหกรรมที่ร้อยละ 12 ตามเป้าหมายของนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2561-2580) ฉบับปรับปรุง

โดยเมื่อพิจารณาจากผลการวิเคราะห์แบบจำลองในฉากทัศน์ 3 พบว่า หากมีการลงทุนในภาคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทยเติบโต ร้อยละ 12 โดยที่การเข้าถึงเทคโนโลยีและทักษะดิจิทัลของประชากรยังคงอยู่ในระดับเดิม ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจะทวีความรุนแรงขึ้น อันเป็นผลมาจากการที่รายได้ของกลุ่มผู้มีรายได้สูงเติบโตรวดเร็วกว่ากลุ่มผู้มีรายได้น้อย ถึงแม้ว่าจะช่วยให้ GDP ของประเทศเติบโตได้ ร้อยละ 5.44 ก็ตาม

ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์แบบจำลอง ในฉากทัศน์ 1 และ 2 ชี้ให้เห็นว่า การขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาทักษะดิจิทัลอย่างทั่วถึง สามารถลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ พร้อมกับเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ ถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในฉากทัศน์ทั้งสองอาจไม่สูงมากนัก (GDP เติบโตร้อยละ 0.26 และ 0.22 ตามลำดับ) แต่ในความเป็นจริง สถานการณ์ภายใต้ฉากทัศน์ทั้งสอง มีโอกาสที่จะสร้างการเติบโตได้มากขึ้น เพราะทั้งการขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีและการพัฒนาทักษะดิจิทัล สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของเศรษฐกิจโลกได้

#เศรษฐกิจดิจิทัล #MODEST #ลดความเหลื่อมล้ำ #BDE #DigitalInclusion

*** บทความนี้ใช้ GEN AI ร่วมกับการบรรณาธิการโดยมนุษย์

Related Posts