บีโอไอ ไฟเขียวลงทุน 1.7 แสนล้านบาท เดินหน้า 5 ยุทธศาสตร์ดึงลงทุนปี 68

บีโอไอ ไฟเขียวลงทุน 1.7 แสนล้านบาท เดินหน้า 5 ยุทธศาสตร์ดึงลงทุนปี 68

บอร์ด บีโอไอ อนุมัติโครงการลงทุนกว่า 1.7 แสนล้านบาท มุ่งสู่ Digital Hub และศูนย์กลางเศรษฐกิจชีวภาพ พร้อมเร่งขับเคลื่อน 5 ยุทธศาสตร์ดึงลงทุนปี 2568

กรุงเทพฯ – 29 มกราคม 2568 – บอร์ด บีโอไอ เดินหน้าอนุมัติโครงการลงทุนกว่า 1.7 แสนล้านบาท ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนนัดแรกของปี 2568 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน

โครงการสำคัญที่ได้รับอนุมัติประกอบด้วย:

  • โครงการ Data Hosting ของ บริษัทในเครือ TikTok Pte. Ltd. มูลค่าลงทุนรวม 126,790 ล้านบาท เพื่อติดตั้ง Server และอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา
  • กิจการ AI Cloud Service ของ บริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด มูลค่าลงทุนรวม 3,250 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรีและปทุมธานี
  • โครงการผลิตโพแทสเซียมคลอไรด์ ของ บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด มูลค่าลงทุนรวม 40,400 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลขนาดใหญ่ของ TikTok และ Siam AI จะช่วยผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Digital Hub ของภูมิภาค

ดึงศักยภาพการเกษตร – หนุนลงทุนอุตสาหกรรมชีวภาพ

บอร์ดบีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนในกิจการเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) และกิจการนิคมอุตสาหกรรมชีวภาพ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจชีวภาพ

  • กิจการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ใช้ผลผลิตทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยาน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึงร้อยละ 80
  • กิจการนิคมหรือเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ ครอบคลุมธุรกิจด้านเกษตร อาหาร พลังงานทดแทน และบริการสนับสนุน สอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรม BCG

เร่งขับเคลื่อน 5 ยุทธศาสตร์ดึงลงทุนปี 2568

บอร์ดบีโอไอได้เห็นชอบแผนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนปี 2568 เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคใน 5 ด้านสำคัญ ได้แก่

  1. ศูนย์กลางอุตสาหกรรมด้าน BCG (Bio-Circular-Green Industries Hub)
  2. ศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Tech Hub)
  3. ศูนย์รวมบุคลากรทักษะสูงจากทั่วโลก (Talent Hub)
  4. ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และธุรกิจระหว่างประเทศ (Logistics & International Business Hub)
  5. ศูนย์กลางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Soft Power and Creative Hub)

บีโอไอ

นายนฤตม์ กล่าวว่า สถานการณ์ความผันผวนของโลกเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของประเทศไทยในการช่วงชิงฐานการลงทุน บีโอไอจึงได้มีแผนขับเคลื่อน 5 ด้านสำคัญ ดังนี้

  1. เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมุ่งเน้น 5 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ ได้แก่ อุตสาหกรรม BCG, ยานยนต์ไฟฟ้า (xEV), เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง, ดิจิทัล และกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
  2. ยกระดับผู้ประกอบการไทย และสนับสนุนการเชื่อมโยงเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยเฉพาะ SMEs และการเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่
  3. พัฒนาบุคลากรทักษะสูง โดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
  4. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศการลงทุน ทั้งด้านกายภาพและดิจิทัล
  5. การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและอุตสาหกรรมยั่งยืน โดยสนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

#บีโอไอ #การลงทุน #เศรษฐกิจ #DigitalHub #BCG #อุตสาหกรรมชีวภาพ #ยุทธศาสตร์การลงทุน #ประเทศไทย

Related Posts