ท่องเที่ยวไทยปี 67 ทะลุ 35 ล้านคน! จีนฟื้นตัว – Wellness Tourism มาแรง ปี 68

ท่องเที่ยวไทยปี 67 ทะลุ 35 ล้านคน! จีนฟื้นตัว – Wellness Tourism มาแรง ปี 68

กรุงเทพฯม ประเทศไทย – C9 Hotelworks ชี้ปี 2567 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่สดใสสำหรับการท่องเที่ยวไทย แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจโลก แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ทะลุ 35 ล้านคน โดยมีปัจจัยสำคัญจากการฟื้นตัวของตลาดจีน และนโยบาย Visa on Arrival ที่ประสบความสำเร็จในการดึงดูดนักท่องเที่ยวอินเดียและรัสเซีย นอกจากนี้ ตลาดใหม่ๆ อย่างมาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ ยุโรปตะวันออก และไต้หวัน ก็มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ส่งผลให้ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในภูมิภาค

นายบิล บาร์เน็ตต์ กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks วิเคราะห์ว่า ปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตลาดในภูมิภาคยังคงสดใส โดยไทยกำลังมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เจาะกลุ่มลักซ์ชัวรี่ โดยเฉพาะ Wellness Tourism ที่สร้างรายได้มหาศาลถึง 1.2 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในฐานะ Wellness Hub

“กรุงเทพฯ กำลังพัฒนาสู่ Global Playground City ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกด้วยประสบการณ์สุดหรู ความบันเทิง และอาหาร ซึ่งเห็นได้จากการเข้ามาลงทุนของ Branded Residence ระดับโลก เช่น สุโขทัย เซนต์รีจิส อมัน และ Porsche Design Tower” นายบาร์เน็ตต์ กล่าว

ขณะเดียวกัน แบรนด์ยานยนต์และแฟชั่นระดับโลก ก็ให้ความสนใจขยายธุรกิจในไทย ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์กับแบรนด์เหล่านี้

นายบาร์เน็ตต์ ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “คน” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดย C9 Hotelworks ได้ร่วมสนับสนุน Thailand Tourism Forum (TTF) ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 14 เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างเครือข่าย และคืนกำไรสู่สังคมผ่านทุนการศึกษา Phuket Hotels Association Scholarship

“TTF ไม่ใช่แค่งานอีเวนต์ แต่เป็นเวทีสร้างแรงบันดาลใจ แลกเปลี่ยนความคิด และสร้างเครือข่าย รวมถึงคืนกำไรสู่สังคม และสนับสนุนบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” นายบาร์เน็ตต์ กล่าวเสริม

นายเดวิด จอห์นสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลิเวอร์ริ่ง เอเชีย จำกัด ได้กล่าวถึงแนวโน้มใหม่ของการท่องเที่ยวเชิง Luxury ว่า บริษัทฯ ซึ่งเป็นบริษัทการตลาดและประชาสัมพันธ์ระดับโลกที่มีทีมงาน 21 ทีมใน 21 ตลาดทั่วโลก ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับ “New Luxury” จากตลาดที่เป็นแหล่งที่มาสำคัญของการท่องเที่ยวสู่ประเทศไทย โดยหนึ่งเดือนก่อนหน้างานนี้ ทางบริษัทได้ทำการสอบถามความเห็นจากทีมงาน และบรรณาธิการในตลาดเหล่านั้น เหมือนกับการจัดทำ Hot List หรือ Editor’s List สิ่งที่ไม่ใช่ New Luxury คือ FOMO หรือ Fear of Missing Out ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์หลักที่เกิดขึ้นหลัง COVID-19 และเป็นการเดินทางที่ขับเคลื่อนด้วยแรงกดดันจากคนรอบข้าง หรือการเดินทางตาม Bucket List ที่ต้องไปเช็คอินสถานที่ต่างๆ ที่เคยฝันไว้

แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่ได้รับจากการสำรวจครั้งนี้ คือการเปลี่ยนจาก FOMO ไปสู่ JOMO หรือ Joy of Missing Out ซึ่งหมายถึงความสุขจากการ “ไม่ตามกระแส” ผู้คนต้องการความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น ค่านิยมของผู้คนได้เปลี่ยนไปแล้ว JOMO คือการตัดขาดจากสิ่งภายนอก เป็นการดูแลตัวเองรูปแบบหนึ่ง ทำในสิ่งที่ชอบโดยไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร และมีความสุขกับการไม่ทำตามใคร การสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร จึงเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมการบริการ สรุปโดยย่อคือ ค่านิยมของผู้บริโภคกลุ่ม Luxury ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ต้องการอายุที่ยืนยาวขึ้น และไม่ตามกระแส FOMO อีกต่อไป

ด้าน นายเจสเปอร์ ปาล์มควิสต์ รองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก STR ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมโรงแรมว่า กรุงเทพฯ มีศักยภาพในการฟื้นตัวและดูดซับอุปทานใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา มีอุปทานห้องพักใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3% ต่อปี และปี 2566-2567 ถือเป็นจุดสูงสุดของการส่งมอบห้องพักใหม่ ดังนั้นในอนาคต แรงกดดันจากอุปทานใหม่จะน้อยลง

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่น่าสนใจ เช่น โรงแรมมีขนาดเล็กลง แต่จำนวนโรงแรมแบรนด์เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในระดับลักซ์ชัวรี่ ซึ่ง 58% ในกรุงเทพฯ เป็นโรงแรมแบรนด์ ส่วนการเติบโตของราคาห้องพัก (ADR) เริ่มชะลอตัวลง แต่ RevPAR ของไทยยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ริมน้ำและย่านสีลม

สำหรับภาพรวมการเติบโตในปี 2567 พบว่า เชียงใหม่มีการฟื้นตัวที่ดี โดยอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น 50% เทียบกับปีก่อน ส่วนกรุงเทพฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ ซึ่งราคาห้องพักสูงกว่าปี 2562 ถึง 43% และยังคงเติบโต 5% ต่อปี โดยกรุงเทพฯ เติบโตเร็วกว่าลอนดอนและสิงคโปร์ และ 20% ของโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ในกรุงเทพฯ ขายห้องพักในราคามากกว่า 10,000 บาท

นายปาล์มควิสต์ มองว่า อุตสาหกรรมโรงแรมในไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มที่ดี แม้การเติบโตของราคาจะชะลอตัว แต่อัตราการเข้าพักยังคงสูง และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น

“ปี 2568 ผู้จัดการโรงแรมต้องบริหารจัดการต้นทุนและรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น” นายปาล์มควิสต์ กล่าว

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นจาก 35 ล้านคน เป็น 40-45 ล้านคน โดยไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

#การท่องเที่ยวไทย #TTF #C9Hotelworks #STR #WellnessTourism #GlobalPlaygroundCity #BrandedResidence #โรงแรมลักซ์ชัวรี่

*** บทความนี้ใช้ GEN AI ร่วมกับการบรรณาธิการโดยมนุษย์

Related Posts