AIMIRT ทุบสถิติ! รายได้ปี 67 ทะลุ 1 พันล้านบาท ปันผลสูง 8.6%

AIMIRT ทุบสถิติ! รายได้ปี 67 ทะลุ 1 พันล้านบาท ปันผลสูง 8.6%

กองทรัสต์ AIMIRT โชว์ฟอร์มแกร่ง ปี 67 รายได้รวมทำนิวไฮ ทะลุ 1 พันล้านบาท เติบโต 14% พร้อมจ่ายปันผลรวมทั้งปี 0.86 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงถึง 8.1% สูงสุดในตลาดรีทอุตสาหกรรม ตอกย้ำความสำเร็จในการควบรวมกองทุนรวม PPF และการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ ‘AIMIRT’ สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในตลาดรีทอุตสาหกรรม ด้วยผลการดำเนินงานปี 2567 ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด รายได้รวมทั้งปีทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) แตะระดับ 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของกองทรัสต์ และความสำเร็จในการบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จ:

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ AIMIRT มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 2567 คือ การรับรู้รายได้เต็มปีจากการควบรวมกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (PPF) เข้ามาในพอร์ตเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งนับเป็นดีลประวัติศาสตร์และเป็นนวัตกรรมใหม่ของตลาดทุนไทย นอกจากนี้ อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยทั้งปีของทรัพย์สินในกองทรัสต์ AIMIRT ยังอยู่ในระดับสูงถึง 92% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดรีทอุตสาหกรรมโดยรวม

จากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม AIMIRT ประกาศจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในงวดสุดท้ายของไตรมาส 4/2567 จ่ายปันผลในอัตรา 0.2150 บาทต่อหน่วย กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD (Exclude Dividend) ในวันที่ 5 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 มีนาคม 2568 ทำให้ตลอดทั้งปี 2567 เอไอเอ็ม รีท จ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 0.86 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือเป็นอัตราการจ่ายปันผลที่สูงที่สุดในกลุ่มรีทอุตสาหกรรม คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) สูงถึง 8.1% (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2567)

นางสาวญาณิชศา ชาติวุฒิกอบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของ เอไอเอ็ม รีท เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในปี 2567 ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญและทำสถิติสูงสุดใหม่ เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากการควบรวมกองทุนรวม PPF รวมถึงอัตราการเช่าพื้นที่ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดรีทอุตสาหกรรม”

นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “การควบรวมกองทุนรวม PPF ถือเป็นดีลที่ท้าทายและเป็นนวัตกรรมของตลาดทุนไทย ซึ่งส่งผลให้ เอไอเอ็ม รีท มีผลประกอบการที่เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นในหลายด้าน บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสการลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนให้กับกองทรัสต์”

นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด เน้นย้ำถึงความโปร่งใสในการบริหารจัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม รีท โดยกล่าวว่า “ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เราบริหารงานด้วยความโปร่งใสและเป็นกลาง สะท้อนให้เห็นจากการเติบโตของกองทรัสต์อย่างมั่นคง และการจ่ายปันผลในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ ในปี 2568 เรายังคงมุ่งมั่นในการบริหารงานอย่างโปร่งใส เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยทรัสต์ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ผ่านการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)”

อนาคตที่สดใส:

ความสำเร็จของ เอไอเอ็ม รีท ในปี 2567 ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของผลการดำเนินงาน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจน การบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างมืออาชีพ และความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน เอไอเอ็ม รีท จึงเป็นหนึ่งในกองทรัสต์ที่น่าจับตามองในตลาดรีทอุตสาหกรรม

เอไอเอ็ม รีท จะยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่ทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้าน ESG เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม

#AIMIRT #รีท #อสังหาริมทรัพย์ #ปันผลสูง #ผลประกอบการ #ตลาดหลักทรัพย์ #การลงทุน #ESG #PPF #NewHigh

Related Posts