Dan Buettner นักสำรวจ National Geographic ผู้ค้นพบ “Blue Zones” หรือพื้นที่ที่มีคนอายุยืนมากที่สุดในโลก เผยเคล็ดลับการใช้ชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องของยีนหรือการแพทย์ล้ำสมัย แต่เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย กินอาหารจากพืช ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และมีเป้าหมายในชีวิต พร้อมแนะแนวทางปรับใช้กับสังคมเมือง
Dan Buettner นักสำรวจและนักเขียนจาก National Geographic ผู้โด่งดังจากการค้นพบ “Blue Zones” หรือพื้นที่ที่มี คนอายุยืน ยาวและมีสุขภาพดีที่สุดในโลก ได้เปิดเผยเคล็ดลับและแนวคิดเบื้องหลังการมีอายุยืนยาวถึง 100 ปี ในการบรรยายพิเศษที่ประเทศไทย โดยชี้ให้เห็นว่ากุญแจสำคัญไม่ได้อยู่ที่พันธุกรรม การแพทย์ที่ล้ำสมัย หรือการออกกำลังกายอย่างหนัก แต่เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสามารถนำมาปรับใช้ได้จริง
จุดเริ่มต้นของการค้นพบ Blue Zones
Buettner เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อค้นหาความลับของ คนอายุยืน ว่า เริ่มต้นจากการอ่านรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ระบุว่ามีกลุ่มเกาะแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีผู้หญิงอายุยืนถึง 100 ปี มากกว่าในสหรัฐอเมริกาถึง 30 เท่า นั่นคือ โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
“ผมตั้งคำถามว่าพวกเขาทำได้อย่างไร พวกเขามียีนพิเศษหรือข้อได้เปรียบอื่น ๆ หรือไม่” Buettner กล่าว “แต่เมื่อศึกษาลึกลงไปก็พบว่าพวกเขามียีนโดยเฉลี่ยทั่วไป เป็นแหล่งรวมของผู้คนจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน หรือแม้แต่ไทย”
Buettner อธิบายว่าพันธุกรรมมีผลต่ออายุขัยเพียง 15% คุณภาพของแพทย์และระบบสาธารณสุขมีผลอีก 15% แต่ 70% ที่เหลือคือปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่พันธุกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาให้ความสนใจ
การค้นหา Blue Zones ทั่วโลก
ด้วยความร่วมมือกับนักประชากรศาสตร์ Buettner ได้ทำการสำรวจและระบุพื้นที่อื่น ๆ ทั่วโลกที่มีประชากรอายุยืนยาว ได้แก่
- โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น: ผู้หญิงมีอายุยืนยาวที่สุดในโลก
- ซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี: กลุ่มหมู่บ้านบนภูเขาที่มีผู้ชายอายุยืนยาวที่สุดในโลก
- นิโคยา ประเทศคอสตาริกา: ประชากรมีอายุยืนยาวโดยปราศจากโรคภัย
- อิคาเรีย ประเทศกรีซ: ประชากรมีอายุยืนยาวกว่าชาวอเมริกันประมาณ 8 ปี
- โลมาลินดา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา: กลุ่ม Seventh-day Adventists ที่มีอายุยืนยาว
ปัจจัยร่วมของคนใน Blue Zones
Buettner พบว่าปัจจัยร่วมที่ทำให้คนใน Blue Zones มีอายุยืนยาวและมีสุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องของการออกกำลังกายในยิม หรือการใช้ยาและเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ดังนี้
-
อาหาร:
- กินอาหารที่มาจากพืชเป็นหลัก (Whole Plant-Based Diet) ได้แก่ ธัญพืช ผักใบเขียว หัวเผือก ถั่ว
- กินถั่วประมาณ 1 ถ้วยต่อวัน ซึ่งรวมถึงถั่วเหลืองและเต้าหู้
- กินเนื้อสัตว์และของหวานในปริมาณน้อย และเฉพาะในโอกาสพิเศษ
- กินอาหารร่วมกับครอบครัว เพื่อลดความเครียดและกินช้าลง
- กินอาหารในช่วงเวลา 8-10 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ระบบย่อยอาหารได้พัก
-
การเคลื่อนไหวร่างกาย:
- ไม่มีใครใน Blue Zones ออกกำลังกายในยิม แต่พวกเขาเคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลา
- เดิน 8,000-10,000 ก้าวต่อวัน โดยไม่ต้องตั้งใจ
- ทำงานบ้าน ทำสวน ปลูกผักเอง
-
ความสัมพันธ์ทางสังคม:
- อาศัยอยู่กับครอบครัวขยาย (Extended Family) ซึ่งผู้สูงอายุมีบทบาทในการเลี้ยงดูเด็กและมีคุณค่าในครอบครัว
- มีความผูกพันกับชุมชน เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาและเทศกาลต่าง ๆ
- มีเพื่อนสนิทที่สามารถพึ่งพาได้ในยามยาก
-
เป้าหมายในชีวิต:
- มี “อิคิไก” (Ikigai) หรือเหตุผลในการตื่นนอนตอนเช้า
- มีเป้าหมายและความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน และศาสนา
- การมีเป้าหมายในชีวิตช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้นประมาณ 7 ปี
ข้อเสนอแนะสำหรับคนไทย
Buettner ชี้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็น “Blue Zone” ได้ แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเน้นที่การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศ เพื่อให้ผู้คนตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว
“ไม่มีทางลัดสู่การมีอายุยืนยาว ไม่มีอาหารเสริม ยา หรือการออกกำลังกายใด ๆ ที่จะส่งผลต่อการมีชีวิตอยู่และแข็งแรงในปี 2040” Buettner กล่าว “สิ่งสำคัญคือการทำสิ่งที่ทำได้ทุกวัน เป็นเวลาหลายสิบปี”
Buettner ยกตัวอย่างสิงคโปร์ ซึ่งเขาเรียกว่า “New Blue Zone” ว่ามีการปรับเปลี่ยนนโยบายหลายอย่าง เช่น
- เก็บภาษีรถยนต์และน้ำมันแพง เพื่อส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะและการเดิน
- ลดปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม
- ติดภาพเตือนบนซองบุหรี่ และเก็บภาษีบุหรี่สูง
การประยุกต์ใช้ Blue Zones ในระดับเมืองและองค์กร
Buettner มีบริษัทที่ทำงานร่วมกับเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา เพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายให้เอื้อต่อการตัดสินใจที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การรับรองร้านอาหาร ร้านขายของชำ สถานที่ทำงาน และโบสถ์ ที่ส่งเสริมการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการเคลื่อนไหวร่างกาย
เขายังแนะนำให้ผู้บริหารองค์กรปรับเปลี่ยนนโยบายและสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน เพื่อให้พนักงานเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น เข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และมีโอกาสทำตามเป้าหมายในชีวิต
สังคมผู้สูงอายุ: โอกาสและความท้าทาย
Buettner กล่าวถึงปัญหาสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยว่า แทนที่จะกังวลเรื่องภาระทางเศรษฐกิจ ควรให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุในฐานะทรัพยากรที่มีคุณค่า ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ภูมิปัญญา การดูแลเด็ก และการสร้างความสุขให้กับสังคม
Buettner มองว่า AI อาจมีบทบาทในการพัฒนายาหรือวิธีการรักษาทางพันธุกรรมเพื่อชะลอวัย แต่ไม่สามารถทดแทนวิถีชีวิตแบบ Blue Zones ได้ ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ใกล้ชิดธรรมชาติ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีความสัมพันธ์ที่ดี และมีเป้าหมายในชีวิต
เคล็ดลับส่วนตัวของ Dan Buettner
Buettner เปิดเผยเคล็ดลับส่วนตัวในการใช้ชีวิตแบบ Blue Zones ดังนี้
- ตื่นนอนเมื่อร่างกายพร้อม ไม่ใช้นาฬิกาปลุก
- อาศัยอยู่ในย่านที่เดินได้สะดวก ใกล้ทะเล
- กินอาหารมื้อแรกตอน 11 โมงเช้า เป็นซุปผักและถั่ว
- ทำงาน 4-5 ชั่วโมงต่อวัน
- ใช้เวลา 3 ชั่วโมงต่อวันในการเข้าสังคม
- งีบหลับ
- ออกกำลังกายที่สนุกสนานทุกวัน เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน โยคะ เล่นเวท หรือเล่นพิกเคิลบอล
การมีอายุยืนยาวและมีสุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาหรือเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสามารถนำมาปรับใช้ได้จริง โดยเน้นที่การกินอาหารจากพืช การเคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอ การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง และการมีเป้าหมายในชีวิต
#BlueZones #DanBuettner #อายุยืน100ปี #วิถีชีวิต #สุขภาพดี #อาหาร #ออกกำลังกาย #สังคม #เป้าหมายชีวิต #สิงคโปร์ #ประเทศไทย