กลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทย จับมือ มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ครั้งแรก เพื่อยกระดับสวัสดิภาพลิงและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานลิงในอุตสาหกรรมมะพร้าวไทยอย่างยั่งยืน พร้อมนำร่องโครงการดูแลลิงปลดระวาง และเรียกร้องภาครัฐเร่งผลักดันกฎหมายห้ามใช้ลิงเก็บมะพร้าวอย่างจริงจัง หวังฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในตลาดโลก หลังเผชิญแรงกดดันและมาตรการคว่ำบาตรจนสูญเสียรายได้นับพันล้านบาทต่อปี
กรุงเทพฯ – กลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทย ซึ่งประกอบด้วยผู้ผลิตและผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มะพร้าวรายใหญ่ของประเทศ ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า (Wildlife Friends Foundation Thailand – WFFT) ถือเป็นก้าวสำคัญในการแสดงความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการ ใช้ลิงเก็บมะพร้าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยและอุตสาหกรรมในเวทีสากล ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืน ยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลก
อุตสาหกรรมมะพร้าวถือเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยมายาวนาน ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2563 ถึง 2566 ไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์มะพร้าวไปยังกว่า 131 ประเทศทั่วโลก สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึงปีละกว่า 25,000 ล้านบาท และที่สำคัญ อุตสาหกรรมนี้ยังเป็นแหล่งรายได้หลักให้กับเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวมากกว่า 300,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการ ใช้ลิงเก็บมะพร้าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวสวนในบางพื้นที่ ได้กลายเป็นจุดเปราะบางที่ถูกจับตามองจากนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่กระแสการให้ความสำคัญกับสิทธิและสวัสดิภาพสัตว์ทวีความเข้มข้นขึ้นทั่วโลก แนวปฏิบัติดังกล่าวถูกมองว่าขัดต่อหลักจริยธรรมและอาจเข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์ ทำให้องค์กรพิทักษ์สัตว์ระหว่างประเทศหลายแห่งออกมาเคลื่อนไหว ร้องเรียน และกดดันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการยอมรับสินค้ามะพร้าวและผลิตภัณฑ์กะทิของไทยในตลาดสากล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งนำไปสู่การคว่ำบาตรสินค้าจากไทย ทำให้ประเทศต้องสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดและรายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับมะพร้าวไปเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนผู้ประกอบการ และเกษตรกรชาวสวน จะต้องหันหน้าเข้าหากันและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเป็นระบบ ประกอบกับปัจจุบันมีเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่ที่สามารถนำมาใช้ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตมะพร้าวในเชิงอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ซึ่งเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่า
ตัวแทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทย เปิดเผยถึงความพยายามที่ผ่านมาและความสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้ว่า “ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาดังกล่าว เราได้มีความริเริ่มในการแก้ไขปัญหาจากฝั่งผู้ผลิตหลายประการ เช่น การกำหนดนโยบายรับซื้อมะพร้าวจากสวนที่ไม่ใช้แรงงานลิง และการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของวัตถุดิบ”
“อย่างไรก็ตาม เราตระหนักดีว่าการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนและหยั่งรากลึกเช่นนี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำงานของภาคเอกชนเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างแข็งขันจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาครัฐ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมาย การลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าในครั้งนี้ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเดินหน้าไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ เราหวังว่านี่จะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังผู้บริโภคและประชาคมโลกว่า ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมมะพร้าวไทยมีความใส่ใจและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง”
ด้าน นายเอ็ดวิน วิค ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า กล่าวถึงบทบาทและความคาดหวังจากความร่วมมือนี้ว่า มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่ามีภารกิจหลักในการปกป้องคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของสัตว์ทุกชนิด รวมถึงสัตว์ป่าในประเทศไทย เราเล็งเห็นถึงความตั้งใจจริงและความมุ่งมั่นของกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทยในการแก้ไขปัญหานี้ จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ โดยมูลนิธิฯ จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประสานงาน หารือ และผลักดันข้อเสนอต่างๆ ไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อเร่งรัดการพิจารณาออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องและการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เราจะนำความรู้ความเชี่ยวชาญของเรามาใช้ในการดูแลลิงที่ถูกปลดระวางจากการทำงาน หรือได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรม ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือนี้จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมมะพร้าวของไทยให้มีความยั่งยืนและดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ควบคู่ไปกับการแก้ไขภาพลักษณ์ด้านสวัสดิภาพสัตว์ของประเทศไทยในสายตาของนานาประเทศให้ดีขึ้น
ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ จะมีการดำเนินโครงการนำร่องเพื่อร่วมกันดูแลลิงที่อาจเคยถูกใช้แรงงานในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมมะพร้าว โดยในระยะแรก บริษัทสมาชิกของกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทย ได้แก่ บริษัท สุรีย์ อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด, บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด, บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอเชียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด ได้ร่วมกันบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุน เพื่อให้มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่านำไปใช้ในการบริหารจัดการดูแลลิงเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการจัดหาที่พักพิง อาหาร การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ
โดยจะได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนด้านวิชาการจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปตามหลักวิชาการและสวัสดิภาพสัตว์สากล ทั้งนี้ การดำเนินงานทั้งหมดจะอยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่างมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าและกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นอกเหนือจากโครงการนำร่องดังกล่าว ข้อตกลงความร่วมมือนี้ยังได้วางแนวทางและมาตรการสำคัญอื่นๆ ที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นในระยะยาว เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ครอบคลุมประเด็นต่างๆ ดังนี้:
- การผลักดันด้านกฎหมาย: เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการพิจารณาและออกกฎหมายที่มีบทบัญญัติชัดเจน ครอบคลุมการห้ามใช้ลิงในการเก็บมะพร้าวในเชิงอุตสาหกรรม รวมถึงกำหนดบทลงโทษที่เหมาะสมและเป็นธรรมสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน และที่สำคัญคือต้องมีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ
- การจัดการโรงเรียนฝึกลิง: เสนอให้มีการปิดโรงเรียนฝึกลิงเพื่อการเก็บมะพร้าว ทั้งที่ดำเนินการอย่างถูกกฎหมายและที่อยู่นอกระบบ พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการปรับเปลี่ยนสถานที่เหล่านี้ให้กลายเป็นศูนย์ดูแล หรือสถานพยาบาลสำหรับลิงที่ปลดระวางจากการทำงาน หรือลิงที่ได้รับการช่วยเหลือออกจากระบบ เพื่อให้ลิงเหล่านี้มีที่พึ่งพิงและได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตลอดช่วงชีวิตที่เหลือ
- การส่งเสริมพันธุ์มะพร้าวทางเลือก: สนับสนุนให้เกษตรกรหันมาปลูกมะพร้าวพันธุ์ลูกผสม (กึ่งต้นเตี้ย) และมะพร้าวน้ำหอม (ต้นเตี้ย) อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งมะพร้าวพันธุ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตที่ดี แต่ยังมีลำต้นไม่สูงมาก ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาแรงงานลิง โดยจะอาศัยกรอบความร่วมมือที่มีอยู่กับสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการส่งเสริมและสนับสนุนพันธุ์มะพร้าวเหล่านี้แก่เกษตรกร
- การพัฒนาเทคโนโลยีการเก็บเกี่ยว: ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย พัฒนา และนำเทคโนโลยีรวมถึงเครื่องมือและเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัยมาใช้ในการเก็บเกี่ยวมะพร้าว เพื่อทดแทนการใช้แรงงานลิง ลดต้นทุนในระยะยาว และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตโดยรวม
- การสร้างระบบตรวจสอบย้อนกลับ: พัฒนาและผลักดันให้เกิดระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ที่โปร่งใสและเชื่อถือได้สำหรับวัตถุดิบมะพร้าวที่เข้าสู่กระบวนการผลิต เพื่อให้ผู้บริโภคและคู่ค้าสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อนั้นไม่ได้มาจากการใช้แรงงานลิง ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสตลอดห่วงโซ่อุปทาน
นอกจากนี้ สมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวไทยยังมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มงานสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในการสื่อสาร ชี้แจง และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความพยายามและความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหานี้ให้แก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในต่างประเทศ รวมถึงผู้บริโภคทั่วโลกได้รับทราบ เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด สร้างภาพลักษณ์เชิงบวก และฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมมะพร้าวของไทยในระยะยาว
การลงนาม MOU ในครั้งนี้นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างจริงจังระหว่างภาคเอกชนและภาคประชาสังคมในการแก้ไขปัญหาที่ท้าทายและส่งผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการผลักดันด้านกฎหมายและการบังคับใช้อย่างเต็มที่ ก็จะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมมะพร้าวไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมจริยธรรมและสวัสดิภาพสัตว์ได้อย่างแท้จริง
#อุตสาหกรรมมะพร้าวไทย #มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า #MOU #แก้ปัญหาลิงเก็บมะพร้าว #สวัสดิภาพสัตว์ #ส่งออกมะพร้าว #เศรษฐกิจไทย #WFFT #NoMonkeyLabour #EthicalSourcing #ThaiCoconutIndustry #AnimalWelfare