กสทช. มีมติเสียงข้างมาก 5:1:1 รับรองผลการประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่าน มูลค่ารวมกว่า 4.12 หมื่นล้านบาทอย่างเป็นทางการแล้ว AIS และ TRUE คือผู้ชนะในศึกครั้งนี้ ขณะที่คลื่น 850 MHz ไร้ผู้สนใจ ด้านผู้ชนะต้องชำระเงินงวดแรก 50% ก่อนเริ่มใช้งาน 4 สิงหาคมนี้
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยได้บทสรุปที่ชัดเจนแล้วในวันนี้ เมื่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดการประชุมวาระพิเศษ และมีมติเสียงข้างมากรับรองผลการประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (IMT) ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา สร้างเม็ดเงินเข้ารัฐรวมทั้งสิ้น 41,273,960,346 บาท (สี่หมื่นหนึ่งพันสองร้อยเจ็ดสิบสามล้านเก้าแสนหกหมื่นสามร้อยสี่สิบหกบาท) โดยมีสองผู้ให้บริการรายใหญ่ของตลาดอย่าง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือ AIS และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ในเครือ TRUE เป็นผู้ชนะการประมูลในย่านความถี่หลัก
นายกีรติ อาภาพันธุ์ เศรษฐกรเชี่ยวชาญพิเศษ ในฐานะรักษาการรองเลขาธิการ กสทช. เป็นผู้เปิดเผยผลการประชุมอย่างเป็นทางการว่า ที่ประชุมบอร์ด กสทช. ได้พิจารณารับรองผลการประมูลคลื่นความถี่ในย่าน 850 MHz, 1500 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz โดยมติที่ออกมาไม่เป็นเอกฉันท์ สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างกันภายในบอร์ด โดยมีกรรมการจำนวน 5 เสียงเห็นชอบให้รับรองผลการประมูล ขณะที่มีกรรมการ 1 ท่านของดออกเสียง และอีก 1 ท่านไม่รับรองผลการประมูลในครั้งนี้
เจาะลึกผลการประมูล: TRUE คว้า 2 คลื่น – AIS ไม่น้อยหน้า
เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของผู้ชนะการประมูลแต่ละย่านความถี่ พบว่าการแข่งขันในครั้งนี้เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสองผู้เล่นรายใหญ่ของตลาดอย่างแท้จริง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาสะท้อนถึงยุทธศาสตร์การบริหารจัดการโครงข่ายและแถบคลื่นความถี่ (Spectrum) ของแต่ละค่ายในระยะยาวได้อย่างน่าสนใจ
กลุ่มที่ 2: คลื่นย่าน 2100 MHz และ 2300 MHz ในกลุ่มนี้ถือเป็นไฮไลท์ของการประมูล ซึ่งเป็นการประมูลคลื่นความถี่สองย่านพร้อมกัน โดยมีผลลัพธ์ดังนี้
- คลื่นความถี่ 2100 MHz: ผู้ชนะคือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ที่สามารถคว้าชุดคลื่นความถี่ไปครองได้จำนวน 3 ชุด ในช่วงความถี่ 1965-1980 MHz คู่กับ 2155-2170 MHz ด้วยราคาเสนอสุดท้ายที่ 14,850,000,010 บาท การได้มาซึ่งคลื่นย่าน 2100 MHz เพิ่มเติม จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงข่าย 4G และ 5G ของ AIS ได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นย่านความถี่มาตรฐานสากลที่มีความสมดุลระหว่างความจุ (Capacity) และการครอบคลุม (Coverage) เหมาะสำหรับการให้บริการในพื้นที่เมืองและชุมชนหนาแน่น
- คลื่นความถี่ 2300 MHz: ผู้ชนะในย่านนี้คือ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ซึ่งทุ่มเงินประมูลสูงสุดในบรรดาคลื่นทั้งหมด คว้าชุดคลื่นความถี่ไปได้มากถึง 7 ชุด ในช่วงความถี่ 2300-2370 MHz คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 21,770,000,168 บาท คลื่นย่าน 2300 MHz เป็นคลื่นแบบ TDD (Time Division Duplex) ที่มีจุดเด่นด้านการให้ความจุของช่องสัญญาณที่สูงมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรองรับปริมาณการใช้งานดาต้าที่หนาแน่น และการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือ (Mobile Broadband) การชนะประมูลในย่านนี้จะทำให้ TRUE มีขีดความสามารถในการรองรับลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอีกมหาศาล
กลุ่มที่ 3: คลื่นย่าน 1500 MHz สำหรับคลื่นความถี่ย่านใหม่นี้ ผู้ชนะยังคงเป็น
บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ที่สามารถเอาชนะการแข่งขัน คว้าชุดคลื่นความถี่ไปได้จำนวน 4 ชุด ในช่วงความถี่ 1452-1472 MHz ด้วยมูลค่าการประมูล 4,653,960,168 บาท แม้ย่าน 1500 MHz จะเป็นย่านความถี่ที่ค่อนข้างใหม่ในวงการโทรคมนาคมไทย แต่มีศักยภาพในการนำมาใช้เสริมประสิทธิภาพของโครงข่าย 5G ในลักษณะ Downlink-Only หรือที่เรียกว่า Supplemental Downlink (SDL) เพื่อเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลให้แก่ผู้ใช้งาน
กลุ่มที่ 1: คลื่นย่าน 850 MHz – คลื่นดีที่ไม่มีใครต้องการ เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่า สำหรับการประมูลคลื่นความถี่ในกลุ่มที่ 1 ย่าน 850 MHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ต่ำ (Low-band) ที่มีคุณสมบัติเด่นในด้านการครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างไกลและทะลุทะลวงเข้าสู่ภายในอาคารได้ดี กลับไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้าร่วมการประมูลเลย ประเด็นดังกล่าวสร้างคำถามและข้อสังเกตแก่วงการว่าอาจเป็นเพราะราคาเริ่มต้นที่ กสทช. กำหนดไว้อาจสูงเกินกว่ามูลค่าที่ผู้ประกอบการประเมินไว้ หรืออาจเป็นไปได้ว่าผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้งสองค่ายต่างมีคลื่นความถี่ต่ำอยู่ในมือเพียงพอต่อการใช้งานแล้วในปัจจุบัน ทั้งจากคลื่น 700 MHz และ 900 MHz ที่เคยประมูลไปก่อนหน้านี้ ทำให้การลงทุนเพิ่มเติมในย่าน 850 MHz อาจยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนทางธุรกิจ
เส้นทางข้างหน้า: ชำระเงินงวดแรกก่อนลุยเปิดบริการ
ภายหลังการรับรองผลการประมูลอย่างเป็นทางการ ขั้นตอนต่อไปตามที่สำนักงาน กสทช. กำหนดไว้คือ การแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลทั้งสองรายเข้ามาดำเนินการชำระเงินค่าประมูลคลื่นความถี่
โดยเงื่อนไขสำคัญคือ ผู้ชนะจะต้องชำระเงินงวดแรกเป็นจำนวนร้อยละ 50 ของราคาประมูลสูงสุดที่ตนเองเสนอ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนถึงวันเริ่มต้นการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ซึ่งถูกกำหนดไว้ในวันที่ 4 สิงหาคม 2568
ดังนั้น AIS จะต้องเตรียมเงินมาชำระงวดแรกประมาณ 7.42 พันล้านบาท ส่วน TRUE ที่ชนะสองคลื่นจะต้องชำระเงินรวมกันในงวดแรกประมาณ 13.21 พันล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินจำนวนมหาศาลนี้จะถูกนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินเพื่อนำไปพัฒนาประเทศต่อไป
การประมูลครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะกำหนดทิศทางของขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ให้บริการแต่ละรายในอีกหลายปีข้างหน้า แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ที่จะได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่แข็งแกร่งและทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตต่อไป
#กสทช #ประมูลคลื่น #คลื่นความถี่ #AIS #TRUE #โทรคมนาคม #เศรษฐกิจดิจิทัล #5G #ประมูลคลื่น5G #ข่าวเศรษฐกิจ