Langham เนรมิตศุลกสถานเก่าริมน้ำ สู่โรงแรม 5 ดาว ภายในปี 2569

Langham เนรมิตศุลกสถานเก่าริมน้ำ สู่โรงแรม 5 ดาว ภายในปี 2569

กรุงเทพฯ – The Langham Hospitality Group (LHG) กลุ่มโรงแรมระดับโลกประกาศการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทยอีกครั้ง กับการเปิดตัว “เดอะ แลงแฮม แบงค็อก” ณ อาคารศุลกสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรมแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการเติมเต็มความฝันของ LHG ในการสร้างโรงแรมที่ผสมผสานการอนุรักษ์วัฒนธรรมเข้ากับการพัฒนาโรงแรมได้อย่างลงตัว แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการบริการและการโรงแรมระดับห้าดาวในภูมิภาคอีกด้วย โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นหัวใจหลักในการดำเนินงาน

Bob van den Oord ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาเปิดโรงแรมในประเทศไทยอีกครั้ง เดอะ แลงแฮม แบงค็อก จะเป็นโรงแรมที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมของไทยได้อย่างลงตัว และจะเป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางทั่วโลกจะต้องมาเยือน เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด”

กลุ่มเป้าหมายที่คาดหวัง

เดอะ แลงแฮม แบงค็อก ตั้งเป้าที่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย ผู้ที่ชื่นชอบประสบการณ์การเข้าพักที่หรูหราและไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักธุรกิจระดับภูมิภาคและนานาชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนที่ผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับความหรูหราสากล

Bob van den Oord กล่าวถึงกลุ่มเป้าหมายว่า “เราคาดหวังว่าเดอะ แลงแฮม แบงค็อก จะดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในกรุงเทพฯ”

แนวทางการเปิดโรงแรมใหม่ในอีก 5 ปีข้างหน้า

LHG มีแผนที่จะขยายธุรกิจในเอเชียอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งคาดว่าจะมีโรงแรมในเครือถึง 50 แห่งในอนาคต นอกจากนี้ LHG ยังมองหาโอกาสในการเปิดโรงแรมในเมืองสำคัญอื่นๆ ทั่วเอเชีย เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน

Bob van den Oord กล่าวถึงแผนการขยายธุรกิจในอนาคตว่า “เรามีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในเอเชียอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้เรายังมองหาโอกาสในการเปิดโรงแรมในเมืองสำคัญอื่นๆ ทั่วเอเชีย เพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทางที่เพิ่มขึ้น”

Langham

การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างอดีตและปัจจุบัน

The Langham Bangkok ตั้งอยู่ในอาคารศุลกสถาน ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2431 และได้รับการออกแบบในสไตล์นีโอ-ปัลลาเดียนโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน Joachim Grassi อาคารแห่งนี้เคยเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองทางการค้าของกรุงเทพฯ และเป็นประตูสู่ประเทศไทย ที่นี่เคยเป็นสถานที่ต้อนรับบุคคลสำคัญและราชวงศ์มากมาย รวมถึงเคยเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับจากการประพาสยุโรปในปี พ.ศ. 2450

LHG และ แรบบิท โฮลดิ้งส์ ผู้พัฒนาโครงการ มุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์แก่นแท้ทางประวัติศาสตร์ของอาคารศุลกสถาน พร้อมกับการผสมผสานความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว การบูรณะอย่างพิถีพิถันนี้จะเชิดชูสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของอาคาร ควบคู่ไปกับการออกแบบร่วมสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

Bob van den Oord กล่าวเสริมว่า “การรักษาโครงสร้างเดิมของอาคารไว้ในขณะที่เพิ่มสัมผัสแห่งความเป็นแลงแฮมเข้าไป และยังคงรักษาความจุของโรงแรมให้ได้มากที่สุด เป็นความท้าทายอย่างมาก แต่เราเชื่อมั่นว่านักออกแบบและสถาปนิกของเราได้ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม และยังคำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในการออกแบบและก่อสร้าง”

ประสบการณ์เหนือระดับที่ไม่เหมือนใคร

เดอะ แลงแฮม แบงค็อก จะนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือระดับและไม่เหมือนใคร เริ่มต้นด้วยการนำภัตตาคาร ถัง คอร์ท (T’ang Court) ร้านอาหารกวางตุ้งระดับมิชลินสามดาวจากฮ่องกงมาสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เหนือระดับ นอกจากนี้ยังมีบาร์เครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์และขนมหวานระดับโลก ที่จะทำให้โรงแรมแห่งนี้กลายเป็นหมุดหมายใหม่ที่นักชิมทั่วโลกจะพลาดเสียไม่ได้

สำหรับผู้ที่แสวงหาความผ่อนคลาย ฉวน สปา (Chuan Spa) สถานที่พักผ่อนเพื่อสุขภาพชั้นนำที่เดอะ แลงแฮม ภูมิใจนำเสนอ พร้อมมอบประสบการณ์สปาที่ผสมผสานเทคนิคการนวดแผนไทยเข้ากับศาสตร์การแพทย์แผนจีน นอกจากนี้ แขกผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอันงดงามจากห้องพักและห้องบอลรูม โรงแรมยังมีโปรแกรมเพื่อสุขภาพที่ครอบคลุม เช่น การร่วมมือกับ Well Sleep Society เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และการทำงานร่วมกับนักโภชนาการเพื่อสร้างเมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

Bob van den Oord กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ว่า “เราต้องการให้เดอะ แลงแฮม แบงค็อก เป็นมากกว่าแค่โรงแรม แต่เป็นสถานที่ที่แขกจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เหนือระดับและไม่เหมือนใคร พร้อมกับการดูแลสุขภาพและใส่ใจในสิ่งแวดล้อม”

เดอะ แลงแฮม แบงค็อก จะยกย่องยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของสยามในอดีต ด้วยการผสมผสานความงดงามของวัฒนธรรมไทยแบบดั้งเดิมเข้ากับสถาปัตยกรรมตะวันตกของอาคารอย่างประณีต การผสมผสานที่ลงตัวนี้จะสะท้อนออกมาให้เห็นในทุกส่วนของโรงแรม ตั้งแต่ห้องพัก ห้องบอลรูม สปา ไปจนถึงพื้นที่ส่วนกลาง

ความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

LHG มุ่งมั่นที่จะสร้างโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2045 โรงแรมจะไม่ใช้พลาสติกในห้องพัก และจะทำงานร่วมกับผู้ขายในท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน นอกจากนี้ โรงแรมยังได้รับการรับรอง EarthCheck ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

Bob van den Oord เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า “เราตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม และเราจะดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เราต้องการให้เดอะ แลงแฮม แบงค็อก เป็นตัวอย่างของโรงแรมที่สามารถผสมผสานความหรูหรากับความยั่งยืนได้อย่างลงตัว”

การกลับมาของแลงแฮมในประเทศไทย

การเปิดตัวเดอะ แลงแฮม แบงค็อก ถือเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของแลงแฮมในประเทศไทย หลังจากโรงแรมในเกาะสมุยปิดตัวลงไปเมื่อ 15 ปีก่อน โรงแรมแห่งนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569 และจะเป็นโรงแรมระดับลักชัวรีที่แข่งขันกับโรงแรมชั้นนำอื่นๆ ในกรุงเทพฯ

Bob van den Oord กล่าวถึงความคาดหวังในการกลับมาเปิดโรงแรมในประเทศไทยว่า “เรามีความมั่นใจว่าเดอะ แลงแฮม แบงค็อก จะประสบความสำเร็จอย่างสูง และจะเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเรา เราหวังว่าโรงแรมแห่งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศไทย และเป็นแรงบันดาลใจให้กับโรงแรมอื่นๆ ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน”

#เดอะแลงแฮมแบงค็อก #โรงแรมหรู #ศุลกสถาน #การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม #ประสบการณ์เหนือระดับ #การบริการชั้นเลิศ #ความยั่งยืน #TheLanghamBangkok #LuxuryHotel #CustomsHouse #HeritagePreservation #ExceptionalExperiences #ExquisiteService #Sustainability

Related Posts