กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ThaiBev ที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” พร้อมจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ วงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ที่ระดับ “AA”
- – ทริสเรทติ้ง หั่นเครดิต “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” สะเทือนวงการอสังหาฯ ไทย
- – WHART เตรียมออกหุ้นกู้ 1.6 พันล้านบาท รองรับเศรษฐกิจผันผวน
การจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมวงเงินไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก “ไทยเบฟ” มีความประสงค์ที่จะเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็น 2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของ “ไทยเบฟ” ในตลาดเครื่องดื่มในภูมิภาคจากการที่บริษัทมีตราสินค้าที่แข็งแกร่งและมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง รวมทั้งมีความยืดหยุ่นในการสร้างกระแสเงินสด อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนกฎระเบียบที่เข้มงวด และการขึ้นภาษีสรรพสามิตในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย
“ไทยเบฟ” มีผลการดำเนินงานโดยรวมเป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งประมาณการ โดย EBITDA ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.4% เป็น 2.87 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปีการเงิน 2567 แม้ว่ารายได้จะปรับลดลงเล็กน้อยก็ตาม ส่วนอัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้ (EBITDA Margin) ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเป็น 19.4% ในช่วงครึ่งแรกของปีการเงิน 2567 จาก 17.6% ในปีการเงิน 2566 เนื่องจากการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 3.3 เท่าจากปีการเงิน 2566 จนถึงครึ่งแรกของปีการเงิน 2567
หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย
ณ เดือนมีนาคม 2567 หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยของ “ไทยเบฟ” จำนวนรวมทั้งสิ้น 2.07 แสนล้านบาทนั้นมีหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาทรวมอยู่ด้วย โดยหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนดังกล่าวเป็นหนี้ที่ไม่มีการค้ำประกันของบริษัทย่อย ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ระดับ 12%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของ ทริสเรทติ้ง ว่า บริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินอยู่ในระดับปานกลางต่อไป อีกทั้งบริษัทจะยังคงดำรงสถานะผู้นำทั้งในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในประเทศและในตลาดภูมิภาคต่อไปอีกด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทปรับลดลงจนต่ำกว่า 2 เท่าอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากประมาณการของทริสเรทติ้ง หรือหากบริษัทดำเนินนโยบายทางการเงินในเชิงรุกมากยิ่งขึ้นซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่า 3.5 เท่าเป็นเวลานาน
#ทริสเรทติ้ง #ไทยเบฟ #อันดับเครดิต #หุ้นกู้ #Stable #เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ #EBITDA #หนี้สินทางการเงิน