TheReporterAsia – ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกมิติของชีวิต ข้อมูลส่วนบุคคล ได้กลายเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าที่ถูกจับจ้องทั้งจากองค์กรที่ต้องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ และเหล่าอาชญากรไซเบอร์ที่จ้องจะขโมยเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลจึงกลายเป็นภัยร้ายที่แฝงตัวอยู่ในทุกการคลิก ทุกการกรอกข้อมูล และทุกการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- – Realme ร่อนแถลงการณ์ ขออภัย กรณีแอปพลิเคชัน “สินเชื่อความสุข”
- – OPPO ยืนยันยุติติดตั้งแอปฯ บุคคลที่สามทั้งหมดในอนาคต
บทความนี้จะเจาะลึกสถานการณ์การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลในปัจจุบัน วิเคราะห์สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางป้องกัน โดยอ้างอิงจากกรณีศึกษาต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและระดับโลก รวมถึงกรณีล่าสุดของการแอบติดตั้งแอปพลิเคชันในประเทศไทย เพื่อสะท้อนภาพความรุนแรงและผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง
ข้อมูลรั่วไหล: ปัญหาที่ลุกลามไปทั่วโลกและผลกระทบที่ชัดเจนในไทย
การละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป จากกรณีศึกษาต่างๆ ทั่วโลก เราเห็นได้ชัดว่าไม่มีองค์กรใดปลอดภัยจากการถูกโจมตี แม้แต่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาก็ยังตกเป็นเหยื่อ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ:
- Google: ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีถูกเกาหลีใต้ปรับ 3.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 109 ล้านบาท) ในเดือนธันวาคม 2566 ฐานละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยรวบรวมและใช้ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างถูกต้อง และในเดือนมกราคม 2568 Google อาจเผชิญการฟ้องร้องทางกฎหมาย เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android แม้ว่าผู้ใช้จะปฏิเสธที่จะให้ความยินยอมแล้วก็ตาม
- Meta (Facebook): บริษัทถูกสั่งปรับโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PIPC) ของเกาหลีใต้ในเดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นจำนวนเงิน 1.567 พันล้านวอน (ประมาณ 41.5 ล้านบาท) ฐานบังคับให้ผู้ใช้ในเกาหลีใต้ยอมรับข้อกำหนดในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อสมัครใช้บริการ
- Apple: ถูกตัดสินปรับในเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 เป็นจำนวนเงิน 223.3 ล้านวอน (ประมาณ 6 ล้านบาท) ฐานละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัว จากการเก็บข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้ iPhone โดยไม่ได้รับความยินยอม และในเดือนสิงหาคม 2562 Apple ก็เคยถูกฟ้องร้องในแคลิฟอร์เนีย จากการที่ Siri บันทึกเสียงโดยไม่ตั้งใจ และผู้รับเหมาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้
- Allstate: บริษัทประกันภัยถูกรัฐเท็กซัสฟ้องเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 โดยกล่าวหาว่าบริษัทได้เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลตำแหน่งของผู้ใช้ผ่านแอปพลิเคชันมือถือโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างเหมาะสม
- Twilio: ถูกฟ้องแบบกลุ่มเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 โดยถูกกล่าวหาว่าเก็บข้อมูลลูกค้าผ่าน Segment (แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า) โดยไม่ได้รับความยินยอม
- LinkedIn: ถูกผู้ใช้ตั้งข้อสงสัยและแสดงความกังวลในเดือนกันยายน 2567 ว่าข้อมูลส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์ม กำลังถูกนำไปใช้ฝึกอบรมโมเดล Generative AI โดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้ง
ประเทศไทยเผชิญวิกฤตข้อมูลรั่วไหลและภัยจากการติดตั้งแอปฯ โดยพลการ
ประเทศไทยเองก็ไม่ได้รอดพ้นจากภัยคุกคามนี้ โดยประเทศไทยเผชิญปัญหาข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ ยกตัวอย่างเช่น
- ข้อมูลผู้ป่วย 5.5 ล้านราย: โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นถูกโจมตีทางไซเบอร์ ข้อมูลผู้ป่วยหลุดรั่ว
- ข้อมูลคนไทย 55 ล้านราย: มีการประกาศขายข้อมูลส่วนตัวของคนไทย ซึ่งคาดว่ารั่วไหลจากหน่วยงานรัฐ
- ข้อมูลแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม”: ข้อมูลผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ
- ข้อมูลจาก กสทช.: มีการโพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่ามาจาก กสทช.
นอกจากการรั่วไหลของข้อมูลแล้ว กรณีการแอบติดตั้งแอปพิเคชั่นล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ OPPO และ realme ในเดือนมกราคม 2568 ยิ่งตอกย้ำถึงความรุนแรงของปัญหา เมื่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งสองยี่ห้อนี้ร้องเรียนว่าโทรศัพท์ของตนถูกติดตั้งแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของสมาร์ทโฟน และความเสี่ยงที่ผู้ใช้อาจถูกติดตั้งแอปพลิเคชันอันตรายโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่กรณีของ OnePlus OPPO และ Realme ที่ถูกโจมตีโดย LeakBase ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ชัดเจน แฮ็กเกอร์อ้างว่าได้ขโมยข้อมูลลูกค้าหลายล้านราย รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่ แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากบริษัท แต่เหตุการณ์นี้ก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ใช้ชาวไทย และตอกย้ำถึงความเสี่ยงของการใช้สมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
นอกจากนี้ยังมีกรณีของ OnePlus ที่ถูกกล่าวหาว่าแอบเก็บข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตผ่าน OxygenOS ในปี 2560 ข้อมูลที่ถูกรวบรวมนั้นรวมถึง IMEI ของโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่อยู่ MAC เครือข่ายมือถือที่เชื่อมต่อ และ SSID และรหัสผ่านของ Wi-Fi ที่ใช้งานอยู่ ข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Amazon โดยไม่มีการแจ้งเตือนหรือขอความยินยอมจากผู้ใช้
สมาร์ทโฟนราคาถูก: ประตูสู่การสอดแนม?
บทความจาก MakeUseOf ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 ยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาความเป็นส่วนตัวที่แฝงมากับสมาร์ทโฟนราคาถูก สมาร์ทโฟนเหล่านี้มักติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า (Bloatware) ที่อาจเก็บข้อมูลผู้ใช้มากเกินความจำเป็น ขาดการอัปเดตความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ และอาจส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับราคามากกว่าความเป็นส่วนตัวจึงอาจตกอยู่ในความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว
ความยินยอมที่คลุมเครือ: กับดักในโลกดิจิทัล
หลายครั้งที่การเก็บข้อมูลเกิดขึ้นภายใต้ “ความยินยอม” ที่ผู้ใช้อาจไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ข้อตกลงการใช้งานที่ยาวและซับซ้อนเต็มไปด้วยศัพท์เทคนิค ทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักเลือกที่จะ “ยอมรับ” โดยไม่อ่านรายละเอียด ยิ่งไปกว่านั้น การปฏิเสธที่จะให้ความยินยอมอาจหมายถึงการถูกจำกัดการเข้าถึงบริการหรือฟังก์ชันการใช้งาน ดังนั้น “ความยินยอม” ที่ได้รับจึงอาจไม่ใช่ความยินยอมที่แท้จริง
บทความจาก Forbes ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหานี้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์สมัยใหม่สามารถเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้หลากหลายประเภท แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักไม่ตระหนักถึงขอบเขตของการเก็บข้อมูล และ “ความยินยอม” ที่ให้ไว้อาจไม่ใช่ทางเลือกที่แท้จริง
ผลกระทบของการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล: มากกว่าแค่ความรำคาญ
ผลกระทบจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้นร้ายแรงและอาจส่งผลกระทบในระยะยาว ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้หลายรูปแบบ เช่น:
- การโจรกรรมข้อมูลระบุตัวตน (Identity Theft): อาชญากรสามารถนำข้อมูลที่ขโมยไปแอบอ้างเป็นเหยื่อเพื่อเปิดบัญชีธนาคาร ขอสินเชื่อ หรือกระทำการฉ้อโกงอื่นๆ
- การฉ้อโกงทางการเงิน (Financial Fraud): ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้เพื่อซื้อสินค้าหรือโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การคุกคามและการขู่กรรโชก (Harassment and Extortion): ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน เช่น ประวัติการรักษาพยาบาลหรือข้อมูลการติดต่อ อาจถูกนำไปใช้เพื่อข่มขู่หรือแบล็กเมล์เหยื่อ
- การโฆษณาแบบเจาะจงเป้าหมาย (Targeted Advertising): บริษัทต่างๆ อาจใช้ข้อมูลที่รวบรวมเพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งอาจเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว
- การสอดแนมและการติดตาม (Surveillance and Tracking): ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งและประวัติการใช้งานสามารถถูกนำไปใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวของบุคคล
แนวทางป้องกัน: รู้ทันเพื่อปกป้องข้อมูล
ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สิน การป้องกันตัวเองจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ใช้ทุกคนควรตระหนักถึงความเสี่ยงและใช้มาตรการป้องกันดังต่อไปนี้:
- อ่านและทำความเข้าใจนโยบายความเป็นส่วนตัว: ก่อนสมัครใช้บริการหรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ควรอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจว่าข้อมูลใดบ้างที่ถูกเก็บรวบรวมและนำไปใช้อย่างไร
- จำกัดการแชร์ข้อมูล: แชร์ข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นเท่านั้น หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหากไม่จำเป็น
- ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้เข้มงวด: ตรวจสอบและปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนอุปกรณ์และแอปพลิเคชันต่างๆ ให้รัดกุม
- ใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก: ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและแตกต่างกันสำหรับแต่ละบัญชี หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเดือนปีเกิดหรือเบอร์โทรศัพท์
- ระมัดระวังการคลิกลิงก์และดาวน์โหลดไฟล์: หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
- ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและมัลแวร์: ซอฟต์แวร์เหล่านี้สามารถช่วยตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
- อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำ: การอัปเดตซอฟต์แวร์มักรวมถึงการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ดังนั้นจึงควรอัปเดตอุปกรณ์และแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นประจำ
- ใช้ VPN เมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ: VPN จะช่วยเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลและปกป้องข้อมูลของคุณจากการถูกดักจับ
- ระมัดระวังการใช้งานโซเชียลมีเดีย: หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมากเกินไปบนโซเชียลมีเดีย
- ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามล่าสุดและแนวทางป้องกัน
บทสรุป: ร่วมมือกันสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในประเทศไทย
การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลเป็นภัยคุกคามที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้บริโภคที่ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและใช้มาตรการป้องกัน บริษัทต่างๆ ที่ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และภาครัฐที่ต้องกำหนดนโยบายและบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการให้ความรู้และสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน
โดยเฉพาะในประเทศไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ควรเร่งดำเนินการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและป้องกันเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต กรณีการแอบติดตั้งแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ OPPO และ realme เป็นกรณีศึกษาที่สำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและความจำเป็นในการกำหนดมาตรการที่เข้มงวดเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
การสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสำหรับทุกคน
#แอปพลิเคชั่นแอบฝัง #มัลแวร์มือถือ #ความปลอดภัยมือถือ #ภัยคุกคามไซเบอร์ #ความเป็นส่วนตัว #ข้อมูลส่วนบุคคล #สิทธิผู้บริโภค #realme #oppo