ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ ชื่นชม, จากเด็กที่ต้องดิ้นรน สู่เจ้าของบริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้, พิสูจน์ว่าความ “ขาด” คือแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ เขาเปลี่ยนความล้มเหลวเป็นบทเรียน, มองหา “Blue Ocean” ในตลาดอสังหาฯ, สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินทรัพย์, และสร้าง “Win-Win Solution” ที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ด้วยการใช้ข้อมูล, ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง, และสร้างเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง, เขาได้พลิกเกมธุรกิจ และสร้างโอกาสจากความไม่สมบูรณ์แบบ
ในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใครๆ ก็มองว่าเป็น “Red Ocean” ที่มีการแข่งขันสูงและเต็มไปด้วยนายทุนมากประสบการณ์ จะมีที่ว่างสำหรับ “ปลาเล็ก” จากต่างจังหวัด ผู้ไม่เคยมีแต้มต่อในชีวิตจริงหรือ? “ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ ชื่นชม” พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้แต่ในตลาดที่ดูเหมือนจะอิ่มตัว ก็ยังมีช่องว่างสำหรับ “Game Changer” ผู้กล้าที่จะคิดต่าง ทำต่าง และสร้าง “Blue Ocean” ของตัวเองขึ้นมา
ปฐมบทแห่ง “ความขาด”
ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง เขาเติบโตมาในครอบครัวธรรมดาๆ ที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ ภาพเด็กชายตัวเล็กๆ ช่วยพ่อแม่เก็บปลา เสียบหมูปิ้งขายตามตลาดนัด คือภาพจำที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนสู้ชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ความไม่สมบูรณ์แบบในชีวิต ไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เขาต้อง “เติมเต็ม” สิ่งที่ขาดหาย
“ผมไม่ได้เรียนการเงิน…แต่ผมเป็นคนชอบทำธุรกิจและแสวงหารายได้ เพราะต้นทุนชีวิตเราไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ด้วยความที่มันไม่สมบูรณ์แบบ เราเลยต้องเติม” ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ย้อนความหลังถึงวัยเด็กที่หล่อหลอมให้เขาเป็นคนแกร่ง
ความ “ขาด” ไม่ได้เป็นเพียงข้อจำกัด แต่มันคือ “เชื้อเพลิง” ชั้นดีที่จุดประกายให้ ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ ลุกขึ้นมาแสวงหา “โอกาส” เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย
ล้มเหลวเพื่อเรียนรู้: “Fail Fast, Learn Faster”
เมื่ออายุได้ 16 ปี โอกาสก็มาเคาะประตูบ้าน ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ ในรูปแบบของการได้เริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง เขาทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ และเงินเก็บทั้งหมดที่มี บวกกับเงินที่หยิบยืมมาจากผู้ใหญ่ เปิดร้านอาหารด้วยความหวังว่าจะสร้างรายได้และอนาคตที่ดีกว่า แต่ความฝันนั้นก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจร้านอาหารไม่ประสบความสำเร็จ
ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ ไม่ย่อท้อ เขาลุกขึ้นสู้ใหม่ ลองผิดลองถูกกับธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งโรงงาน, เบเกอรี่, และอีกหลายอย่างที่เขาพอจะทำได้ แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเป็นหนี้ จากความไม่รู้ และการขาดความเข้าใจในการบริหารธุรกิจ ทำให้เขาจมอยู่ในวังวนของหนี้สิน และหนี้นอกระบบ
“ตอนนั้นอายุ 18 เป็นหนี้เป็นล้านเลย เพราะว่าเราทำธุรกิจเยอะ แล้วเราก็ไม่รู้จัก… บริหารความเสี่ยงไงก็มันต้องมีหนี้สินเกิดขึ้น”
แต่แทนที่จะจมอยู่กับความผิดหวัง ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ กลับมองว่ามันคือ “MBA ภาคปฏิบัติ” เขาเปลี่ยนความล้มเหลวให้เป็นบทเรียน ลองผิดลองถูกกับธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย … ทุกความผิดพลาดคือ “ข้อมูล” ที่มีค่า
“เราล้มเหลวเราเป็นหนี้ เราก็ต้องเรียนรู้วิธีการจัดการหนี้เข้าไปอีก… ทุกอย่างที่ที่มีอยู่ ณ วันนี้ มันมาจากสิ่งที่ผมเจอมาหมดเลย”
นี่คือแนวคิด “Fail Fast, Learn Faster” ที่ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ นำมาใช้ในการสร้างธุรกิจในเวลาต่อมา
ค้นพบ “Blue Ocean” ใน Red Ocean
ในขณะที่ชีวิตกำลังมืดมน ณัฐ-Pacharakrit ก็ได้พบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เขาเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ และได้เข้ามาสู่โลกของการเงิน เขาได้พบกับนายทุนที่ให้สินเชื่อจำนองขายฝากที่ดิน และเริ่มต้นจากการเป็นนายหน้าแนะนำบ้านและที่ดินให้คนมาปล่อยกู้
เมื่อเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ ณัฐ-Pacharakrit พบว่าตลาดเต็มไปด้วย “ปลาใหญ่” ที่มีเงินทุนและเครือข่ายหนาแน่น แทนที่จะแข่งขันใน “Red Ocean” เขาเลือกที่จะมองหา “Blue Ocean” หรือน่านน้ำใหม่ที่ยังไม่มีใครจับจอง
แม้จะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ ณัฐ-Pacharakrit ใช้เวลา 1-2 ปี วิ่งขายบ้าน พานายทุนไปปล่อยสินเชื่อ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ จนกระทั่งเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
จุดเปลี่ยน: เมื่อ “ความพร้อม” มาบรรจบกับ “โอกาส”
จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของ ณัฐ-Pacharakrit เกิดขึ้นเมื่อเขาได้พบกับรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่กำลังจะปิดตัวลงเพราะขาดสภาพคล่อง เขานำนายทุนหลายคนไปดู แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะปล่อยกู้
ณัฐ-Pacharakrit ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป เขามองเห็น “Hidden Value” หรือมูลค่าที่ซ่อนอยู่ในสินทรัพย์ที่คนอื่นมองข้าม เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่แตกต่าง เขา “ควักเงินตัวเอง” ลงทุนปรับปรุงรีสอร์ทแห่งนั้น ทาสีใหม่ ตัดแต่งต้นไม้ ปลูกดอกไม้ จัดสวน ทำทุกวิถีทางเพื่อให้รีสอร์ทกลับมาดูดีอีกครั้ง โดยทั้งหมดนั้นคือการ “สร้างมูลค่าเพิ่ม” (Value Creation) ให้กับสินทรัพย์
เมื่อพานายทุนกลับมาดูอีกครั้ง รีสอร์ทที่เคยดูทรุดโทรม กลับกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง นายทุนตัดสินใจปล่อยกู้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ณัฐ-Pacharakrit ได้เงินล้านแรกในชีวิต ตอนอายุเพียง 18 ปี
“สิ่งสำคัญคือการทำให้องค์ประกอบถึงพร้อม แล้วจะทำให้เราได้ในสิ่งที่ต้องการ นี่คือจุดที่ผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ ผมว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเข้าใจ เขาจะรอโอกาสให้เข้ามาทั้ง ๆ ที่ยังไม่พร้อมรับ ทำให้ใช้โอกาสไปอย่างสิ้นเปลือง“
เรียนรู้จาก “คนรวย”
หลังจากความสำเร็จครั้งแรก ณัฐ-Pacharakrit ได้เรียนรู้ว่า การอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ประสบความสำเร็จ คือกุญแจสำคัญที่จะนำพาเขาไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เขาได้รับคำแนะนำว่า “ถ้าอยากเป็นคนรวย จงพาตัวเองไปอยู่กับคนรวย 10 คน แล้วคุณจะเป็นคนที่ 11”
เขาเริ่มศึกษาแนวคิด วิธีการบริหารเงิน และการใช้ชีวิตจากคนที่ประสบความสำเร็จ และพบว่าสิ่งที่ทำให้เขาพลาดมาตลอด คือการขาดความรู้ทางการเงิน
“Win-Win Solution” กุญแจสู่ความยั่งยืน
ความสำเร็จครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากโชคช่วย แต่เกิดจากความเข้าใจใน “Pain Point” ของทั้งสองฝ่าย ทั้งเจ้าของรีสอร์ทที่ต้องการเงินทุน และนายทุนที่ต้องการสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ
ณัฐ-Pacharakrit ไม่ได้เป็นเพียง “นายหน้า” แต่เป็น “ผู้สร้างโอกาส” (Opportunity Creator) ที่เชื่อมโยงทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน ด้วย “Win-Win Solution” ที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
สร้าง “Ecosystem” ธุรกิจ
จากความสำเร็จครั้งแรก ณัฐ-Pacharakrit เริ่มขยายเครือข่ายนายทุน และเรียนรู้ที่จะ “คิดแบบนักลงทุน” (Investor Mindset) เขาก่อตั้งบริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ขึ้นมา เพื่อเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการ, นายทุน, และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน
เขาไม่ได้มองว่านายทุนเป็นเพียง “แหล่งเงินทุน” แต่เป็น “พันธมิตร” ทางธุรกิจ เขาเปิดโอกาสให้นายทุนหลายรายเข้ามาลงทุนร่วมกัน (Syndication) เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้าง “Ecosystem” ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
“Data-Driven” และ “Customer-Centric”
ณัฐ-Pacharakrit ไม่ได้พึ่งพาแค่ “สัญชาตญาณ” แต่ใช้ “ข้อมูล” (Data) เป็นตัวขับเคลื่อนในการตัดสินใจ เขาศึกษาตลาด, วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า, และปรับกลยุทธ์อยู่เสมอ
เขาให้ความสำคัญกับ “Customer-Centric” หรือการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยให้คำปรึกษาและหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแต่ละราย ไม่ใช่แค่การปล่อยสินเชื่อ
“เราเริ่มต้นด้วยการเตรียมความพร้อมให้กับสินทรัพย์ และแสวงหาโอกาสให้กับสชินสชทรัพย์นั้น และเริ่มกระบวนการเปลี่ยนสินทรัพย์ด้อยค่าให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าได้อย่างยั่งยืน เราวางโครงสร้างแบบนี้ให้กับ พชรกฤษฏิ์ มาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะเรารู้ว่าจริงๆ แล้ว สินทรัพย์จะปล่อยแบบทั่วไปไม่ได้”
“Scaling Up” และ “Future-Proofing”
ณัฐ-Pacharakrit ไม่หยุดอยู่แค่การเป็น “ผู้เล่น” ในตลาด แต่ต้องการเป็น “ผู้นำ” เขาตั้งเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยใช้เทคโนโลยี, การสร้างแบรนด์, และการพัฒนาบุคลากร โดยมุ่งเน้นที่การสร้างความพร้อมและความหลากหลาย เพื่อรองรับโอกาสใหม่ๆ ที่จะเข้ามา
“ปีที่แล้วเราปิดเคสทั้งหมดไปเป็นร้อย… ปีนี้เรามองว่าเราขยายธุรกิจให้ครบวงจรครอบคลุมสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น เรามีเป้าหมายที่จะต้องโต 100% ให้ได้ ซึ่งก็จะมีเคสให้เราได้ทำมากกว่า 300 เคส”
เขามองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่แค่เรื่องของ “การซื้อ-ขาย” แต่เป็นเรื่องของ “การสร้างคุณค่า” (Value Creation) และ “การแก้ปัญหา” (Problem Solving)
“เราไม่ใช่เภสัชทางด้านการเงินที่จะปล่อยให้ลูกค้าวิเคราะห์อาการเองแล้วเดินเข้ามาสั่งยา แต่เราจะเป็นหมอด้านการเงินที่ช่วยวิเคราะห์หาปัญหาหรือวิกฤตการเงินที่แท้จริงที่เกิดขึ้นกับลูกค้า เพื่อสั่งยาและคอยรักษาต่อเนื่อง ด้วยการช่วยเหลืออย่างเป็นขั้นเป็นตอน จนจบกระบวนการฟื้นฟูเพื่อให้ธุรกิจกลับสู่เส้นทางการเติบโตของธุรกิจนั้น ๆ ต่อไป”
“The Art of Opportunity”
เรื่องราวของ ณัฐ-พชรกฤษฏิ์ ชื่นชม คือบทเรียนชีวิตที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่กำลังต่อสู้เพื่อความฝัน ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากจุดไหน หากคุณมีความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค และพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
- เตรียม “แก้ว” ให้พร้อม ก่อนที่จะเติม “ไวน์”: ความพร้อมคือสิ่งสำคัญที่สุด ก่อนที่จะไขว่คว้าโอกาส จงเตรียมตัวเองให้พร้อม ทั้งความรู้ ความสามารถ และทรัพยากร
- เรียนรู้จากความผิดพลาด: ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นบทเรียนที่จะทำให้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น
- สร้างเครือข่าย: การอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ประสบความสำเร็จ จะช่วยเปิดโลกทัศน์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา
- ไม่หยุดพัฒนา: โลกเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จงเรียนรู้และปรับตัว เพื่อให้พร้อมรับมือกับทุกความท้าทาย
#BusinessStorytelling, #Entrepreneur, #RealEstate, #Innovation, #BusinessStrategy, #ValueCreation, #BlueOcean, #WinWin, #DataDriven, #CustomerCentric, #ScalingUp, #PacharakritProperty, #Inspiration, #GameChanger, #TheArtOfOpportunity, #ณัฐพชรกฤษฏิ์, #จากเด็กหลังร้านสู่นักธุรกิจอสังหา