พก พาวเวอร์แบงค์ ขึ้นเครื่องบินอย่างไรให้ถูกกฎ ลดเสี่ยงถูกทิ้งที่สนามบิน

พก พาวเวอร์แบงค์ ขึ้นเครื่องบินอย่างไรให้ถูกกฎ ลดเสี่ยงถูกทิ้งที่สนามบิน

เปิดระเบียบโลกการบินยุคใหม่ เจาะลึกกฎเหล็กการพกพาแบตเตอรี่สำรอง (พาวเวอร์แบงค์) ขึ้นเครื่องบินที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ตั้งแต่มาตรฐานสากล IATA สู่กฎเฉพาะของไทย สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีนล่าสุด เพื่อให้นักเดินทางไม่ต้องจำใจทิ้งขุมพลังงานสำรองราคาแพงไว้ที่สนามบิน พร้อมเข้าใจเบื้องหลังความปลอดภัยและผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ซ่อนอยู่

TheReporterAsia – ในยุคที่สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ “พาวเวอร์แบงค์” หรือแบตเตอรี่สำรองได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเดินทาง แต่ทว่าภาพความวุ่นวายบริเวณจุดตรวจความปลอดภัยของสนามบิน ที่ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยต้องจำใจทิ้งพาวเวอร์แบงค์ราคาสูงลงในกล่องใส กลับเป็นภาพที่คุ้นตามากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากความเลินเล่อของผู้โดยสารเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความซับซ้อนและแตกต่างของกฎระเบียบในแต่ละประเทศ ที่ทวีความเข้มข้นขึ้นตามความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น การทำความเข้าใจในกฎเกณฑ์ที่ถูกต้องและทันต่อสถานการณ์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการปฏิบัติตามกฎ แต่ยังหมายถึงการปกป้องทรัพย์สินและลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็น

หัวใจสำคัญของกฎระเบียบทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจาก “ความปลอดภัย” แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของพาวเวอร์แบงค์นั้น มีคุณสมบัติไวต่อปฏิกิริยาทางเคมี หากได้รับความเสียหายจากการกระแทก, การลัดวงจร, หรือมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน อาจนำไปสู่ภาวะ “Thermal Runaway” หรือการเกิดความร้อนสูงอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นควันและลุกไหม้ได้ เหตุการณ์แบตเตอรี่ลุกไหม้บนเครื่องบินที่เคยเกิดขึ้นทั่วโลกหลายครั้งผลักดันให้สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินของแต่ละประเทศต้องออกมาตรการที่รัดกุมเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นในห้องโดยสารซึ่งเป็นพื้นที่จำกัดและยากต่อการรับมือ

มาตรฐานกลางที่นักเดินทางทุกคนต้องรู้

กฎพื้นฐานสากลที่สายการบินส่วนใหญ่ทั่วโลกยึดถือตามแนวทางของ IATA คือ ห้ามนำพาวเวอร์แบงค์ใส่ในสัมภาระใต้ท้องเครื่อง (Checked Baggage) โดยเด็ดขาด และต้องนำใส่ สัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง (Carry-On Baggage) เท่านั้น เหตุผลก็เพื่อให้ลูกเรือและผู้โดยสารสามารถสังเกตเห็นและจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันท่วงทีหากพาวเวอร์แบงค์เกิดปัญหาขึ้นมา

นอกเหนือจากข้อบังคับพื้นฐานนี้ IATA ยังได้กำหนดเกณฑ์ความจุของแบตเตอรี่ไว้เป็นมาตรฐานกลาง ซึ่งเป็นจุดที่ผู้โดยสารต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยหน่วยวัดที่เป็นสากลคือ วัตต์-ชั่วโมง (Watt-hour: Wh) แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับหน่วย มิลลิแอมป์-ชั่วโมง (mAh) มากกว่า ซึ่งสามารถคำนวณค่า Wh ได้จากสูตร:

(โดย V คือค่าแรงดันไฟฟ้า ซึ่งโดยทั่วไปของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะอยู่ที่ประมาณ 3.7V)

เมื่อเข้าใจหน่วยวัดแล้ว กฎเกณฑ์ตามมาตรฐาน IATA สามารถแบ่งได้ดังนี้:

  1. ความจุไฟฟ้าไม่เกิน 100 Wh (หรือประมาณไม่เกิน 27,000 mAh): สามารถนำขึ้นเครื่องได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากสายการบิน และโดยทั่วไปอนุญาตให้พกพาได้หลายชิ้นเพื่อการใช้งานส่วนตัว (บางสายการบินอาจจำกัดจำนวนไว้ที่ไม่เกิน 20 ชิ้น)
  2. ความจุไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 100 – 160 Wh (หรือประมาณ 27,000 – 43,000 mAh): สามารถนำขึ้นเครื่องได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากสายการบินก่อน และจำกัดจำนวนไม่เกิน 2 ชิ้นต่อคน
  3. ความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh: ไม่อนุญาต ให้นำขึ้นเครื่องในทุกกรณี

สิ่งสำคัญอีกประการคือ พาวเวอร์แบงค์ทุกชิ้น ต้องมีฉลากระบุความจุและข้อมูลกำกับที่ชัดเจน หากเป็นพาวเวอร์แบงค์ที่ไม่มีฉลาก หรือฉลากเลือนลางจนไม่สามารถระบุข้อมูลได้ เจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจความปลอดภัยมีสิทธิ์ที่จะไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ทันที

เจาะลึกกฎเฉพาะของแต่ละประเทศ: ความแตกต่างที่ต้องใส่ใจ

แม้จะมีมาตรฐานกลางของ IATA แต่หน่วยงานกำกับดูแลการบินพลเรือนของแต่ละประเทศและแต่ละสายการบินมีอำนาจในการออกมาตรการเพิ่มเติมที่เข้มงวดกว่าได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความสับสนและปัญหากับผู้โดยสารที่เดินทางข้ามประเทศ

  • ประเทศไทย (CAAT และสายการบิน): ยึดตามกฎของ IATA เป็นหลัก แต่สิ่งที่นักเดินทางต้องทราบเพิ่มเติมคือ ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นมา สายการบินแห่งชาติอย่าง การบินไทย (Thai Airways) ได้ประกาศ ห้ามผู้โดยสารใช้งานหรือชาร์จพาวเวอร์แบงค์บนเครื่องบินตลอดเที่ยวบิน เพื่อยกระดับความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเป็นแนวทางที่สายการบินชั้นนำอื่นๆ ในเอเชียเริ่มนำมาใช้เช่นกัน ดังนั้น แม้จะพกขึ้นมาได้ตามกฎ แต่ก็ไม่สามารถใช้งานได้
  • สหรัฐอเมริกา (FAA): สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (FAA) มีกฎที่สอดคล้องกับ IATA อย่างเคร่งครัด เน้นย้ำเรื่องการห้ามโหลดใต้เครื่องและจำกัดความจุไม่เกิน 160Wh (โดยต้องขออนุญาตสำหรับขนาด 100-160Wh) FAA ให้ความสำคัญกับการป้องกันอัคคีภัยจากแบตเตอรี่ลิเธียมเป็นอย่างมาก และมีการรายงานสถิติเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่บนเครื่องบินอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความตระหนักรู้
  • สหภาพยุโรป (EASA): องค์กรความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) มีกฎระเบียบที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลเช่นกัน โดยกำหนดให้พาวเวอร์แบงค์ต้องอยู่ในห้องโดยสารเท่านั้น และจำกัดความจุที่ 100-160Wh ต้องผ่านการอนุมัติจากสายการบิน EASA ยังเน้นย้ำถึงการป้องกันการลัดวงจร โดยแนะนำให้ผู้โดยสารเก็บแบตเตอรี่สำรองไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิมหรือหุ้มฉนวนที่ขั้วต่อ เช่น การใช้เทปปิด หรือใส่ในถุงพลาสติกแยกแต่ละก้อน
  • ประเทศญี่ปุ่น (JCAB): นับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัยและเข้มงวดขึ้นอย่างน่าสนใจ ล่าสุด สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศญี่ปุ่น (JCAB) ได้ประกาศกฎใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป โดยนอกจากจะยึดตามเกณฑ์ความจุของ IATA แล้ว ยังมีข้อกำหนดเพิ่มเติมคือ ห้ามเก็บพาวเวอร์แบงค์ไว้ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ (Overhead Bin) ผู้โดยสารจะต้องเก็บพาวเวอร์แบงค์ไว้กับตัว หรือในกระเป๋าหน้าที่นั่งที่สามารถสังเกตการณ์ได้ง่ายเท่านั้น แม้ว่าจะอนุญาตให้ชาร์จอุปกรณ์ระหว่างเที่ยวบินได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้โดยสารตลอดเวลา มาตรการนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความเสี่ยงและเพื่อให้สามารถเข้าถึงและจัดการกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
  • ประเทศจีน (CAAC): เป็นประเทศที่มีกฎระเบียบเฉพาะตัวและเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ นอกเหนือจากกฎความจุสากลแล้ว สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) ได้บังคับใช้กฎใหม่ตั้งแต่ช่วงกลางปี พ.ศ. 2568 ว่า พาวเวอร์แบงค์ที่นำขึ้นเครื่องในเที่ยวบินภายในประเทศ จำเป็นต้องมีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ “CCC” (China Compulsory Certification) อย่างชัดเจน พาวเวอร์แบงค์ที่ไม่มีเครื่องหมายนี้ หรือมีแต่ไม่ชัดเจน หรือเป็นรุ่นที่ถูกเรียกคืน จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง แม้ว่ากฎนี้จะยังไม่บังคับใช้กับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่บินเข้า-ออกจีนโดยตรง แต่เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้เกิดปัญหา นักเดินทางที่ต้องต่อเครื่องภายในประเทศจีนควรเตรียมพาวเวอร์แบงค์ที่มีเครื่องหมาย CCC ติดตัวไปด้วย

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและแนวทางปฏิบัติสำหรับนักเดินทาง

ความหลากหลายของกฎระเบียบเหล่านี้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อนักเดินทาง การต้องทิ้งพาวเวอร์แบงค์ไว้ที่สนามบินหมายถึงต้นทุนที่สูญเปล่า ซึ่งพาวเวอร์แบงค์คุณภาพดีอาจมีราคาสูงถึงหลักพันหรือหลายพันบาท ในเชิงเศรษฐกิจมหภาค นี่คือความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคโดยตรง ขณะเดียวกันก็สร้างภาระให้กับสนามบินในการจัดการกับขยะอิเล็กทรอนิกส์อันตรายเหล่านี้ สนามบินบางแห่ง เช่น สนามบินนานาชาติเซินเจิ้นเป่าอัน ได้เริ่มให้บริการรับฝากพาวเวอร์แบงค์ที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ไว้ชั่วคราว เพื่อลดผลกระทบต่อผู้โดยสาร

ดังนั้น เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ นักเดินทางควรเตรียมตัวดังนี้:

  1. ตรวจสอบก่อนซื้อและก่อนแพ็ค: ก่อนซื้อพาวเวอร์แบงค์ใหม่ ควรเลือกรุ่นที่มีคุณภาพ มีแบรนด์น่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือมีฉลากระบุความจุ (ทั้ง mAh และ Wh ถ้าเป็นไปได้) รวมถึงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานต่างๆ อย่างชัดเจน ก่อนเดินทางให้ตรวจสอบพาวเวอร์แบงค์ที่มีอยู่ว่าฉลากยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่
  2. คำนวณความจุให้แม่นยำ: หากฉลากบอกแค่ค่า mAh ให้ใช้เวลาคำนวณเป็น Wh เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกินเกณฑ์ 100 Wh หรือหากเกิน ก็จะได้เตรียมติดต่อสายการบินเพื่อขออนุญาตสำหรับขนาด 100-160 Wh
  3. ตรวจสอบกฎของประเทศปลายทางและสายการบิน: ก่อนเดินทางทุกครั้ง โดยเฉพาะการเดินทางไปจีนหรือญี่ปุ่น ควรตรวจสอบเว็บไซต์ของสายการบินและหน่วยงานการบินของประเทศนั้นๆ เพื่ออัปเดตกฎระเบียบล่าสุดเสมอ
  4. แยกและป้องกัน: จัดเก็บพาวเวอร์แบงค์ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องเท่านั้น และควรแยกเก็บในถุงหรือซองเพื่อป้องกันการเสียดสีและการลัดวงจร
  5. เตรียมพร้อมแสดงต่อเจ้าหน้าที่: จัดเก็บพาวเวอร์แบงค์ในตำแหน่งที่หยิบออกมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจความปลอดภัยได้ง่าย
  6. ปฏิบัติตามกฎบนเครื่องบิน: แม้จะนำขึ้นเครื่องมาได้ แต่ต้องเคารพกฎของสายการบินเกี่ยวกับการใช้งาน เช่น งดการใช้งานหรือการชาร์จตามที่สายการบินประกาศ และปฏิบัติตามคำแนะนำของลูกเรืออย่างเคร่งครัด

การเดินทางในโลกยุคใหม่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลและความเข้าใจที่ถูกต้อง การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างกฎการพกพาพาวเวอร์แบงค์ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราผ่านขั้นตอนของสนามบินไปได้อย่างราบรื่น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวัฒนธรรมการเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนบนเที่ยวบินนั้นด้วย

#พาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่อง #กฎการบิน #เที่ยวต่างประเทศ #IATA #ความปลอดภัยการบิน #สนามบิน #เดินทางต้องรู้ #แบตเตอรี่สำรอง #เศรษฐกิจการเดินทาง #TechTravel

Related Posts